นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวภายหลังเข้ารายงานตัวเป็น สนช.ว่า จะทำหน้าที่พิจารณาร่างกฏหมายต่างๆด้วยความรอบคอบ และจะระมัดระวังไม้ให้ร่างกฏหมายผ่านไปอย่างง่ายๆ โดยเฉพาะกฏหมายใหม่ที่อาจจะเสนอเข้ามาในช่วงเปิดประชุมสภาฯ ส่วนการคัดเลือกประธาน สนช.นั้น ทั้งนายพรเพชร วิชิตชลชัย และนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย เป็นผู้ที่อยู่ในการณ์คาดการณ์ได้รับเลือกให้ทำหน้าที่ประธาน สนช.เพราะต่างมีความรู้ความสามารถและคุณสมบัติที่เหมาะสมในการทำหน้าที่
พร้อมกันนั้น ยังกล่าวสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.ให้ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี เนื่องจากเป็นที่ยอมรับของสังคม และการทำงานที่ผ่านมาก็สามารถแก้ปัญหาได้ดีพอสมควร และจะเป็นการเข้าบริหารประเทศเพียงชั่วคราวเท่านั้น
นายสมคิด ยังปฏิเสธการทำหน้าที่ในคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวร เนื่องจากเคยเป็นผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญมาแล้ว 2 ฉบับก่อนหน้านี้ทั้งปี 2540 และ 2550 จึงอยากเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้เสนอแนวคิดในการร่างรัฐธรรมนูญบ้าง ซึ่ง สนช.สามารถเสนอรายชื่อผู้ที่เหมาะสมเข้าไปเป็นกรรมการธิการยกร่างรัฐธรรมนูญได้ ซึ่งส่วนตัวเห็นว่ามีหลายคนที่สามารถทำหน้าที่ได้ เช่น นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย หรือ นายกล้าณรงค์ จันทิก
ด้าน พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวภายหลังเข้ารายงานตัวว่า การเข้ามาทำหน้าที่ สนช.ไม่ได้เข้ามาคุมเสียงของ สนช.ฝ่ายทหารนอกจากนี้ยังปฎิเสธกรณีที่มีการล็อบบี้ตำแหน่งประธาน สนช. เพราะสุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับที่ประชุม
สำหรับบุคคลที่จะเข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น พล.ท.ปรีชา มองว่า ต้องมีคุณสมบัติที่สุจริต โปร่งใสและตรวจสอบได้ ซึ่งการที่สนช.ส่วนใหญ่พร้อมให้การสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรีน้น ส่วนตัวมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนดี และเป็นที่ทราบว่าเป็นพี่ชายและผู้บังคับบัญชาโดยตรงที่พัฒนาด้านการทหารและดูแลกำลังพลได้เป็นอย่างดี แต่สุดท้ายก็ต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุม สนช.ว่าจะเลือกบุคคลใด
ขณะที่หากพล.อ.ประยุทธ์ รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะถือว่าเป็นการทำงานที่หนักเกินไปหรือไม่นั้น เพราะยังมีตำแหน่งในฐานะหัวหน้า คสช. และผู้บัญชาการทหารบก พลโทปรีชา ระบุว่า ต้องรอดู เพราะในเดือนสิ้นเดือนกันยายนอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง และขณะนี้ก็ยังไม่ทราบว่าจะรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจริงหรือไม่