หลังจากนั้นเมื่อมีการตรา พ.ร.ฎ.ว่าด้วยการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) เสร็จแล้วจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาให้ครบทั้ง 11 คณะ ซึ่งจะเริ่มดำเนินการได้ในวันที่ 9 ส.ค.57 เวลา 10.00 น. ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดี ซึ่งจะเชิญทุกฝ่ายที่เห็นต่างมาร่วมงานด้วย จากนั้นวันที่ 14 ส.ค.57 จะมีการเปิดรับสมัคร สปช.จากการส่งรายชื่อของนิติบุคคล หน่วยราชการ กระทรวง ทบวง กรม ต่างๆ บุคคลไม่สามารถยื่นสมัครโดยตรงได้ ซึ่งเมื่อมีการสมัครครบแล้วก็จะทำการคัดเลือกให้เหลือ 550 คน จากนั้น คสช.ก็จะคัดเลือกต่อให้เหลือ 173 คน เพื่อให้ได้ตัวแทนจากทุกสาขาอาชีพ ซึ่งอยากให้ได้บุคคลที่มีคุณภาพมีประโยชน์และมีความเข้าใจการดำเนินการของ คสช.เข้ามาเป็นผู้แทน สำหรับอีก 1 คณะคือการสรรหาของคณะกรรมการประจำจังหวัดจะทำการคัดเลือกผู้แทนให้ได้ 77 คน รวมเป็นจำนวน 250 คน โดยจะใช้เวลาไม่เกิน 50 วันในการจัดตั้งสภาปฏิรูปฯ ให้แล้วเสร็จและเริ่มทำงานได้ในช่วงเดือนตุลาคม สำหรับการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีนั้นจะเสร็จเรียบร้อยไม่เกินช่วงต้นเดือน ก.ย.57
หัวหน้า คสช.ยังกล่าวถึงตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจว่า ขณะนี้ได้ตั้งเป้าทำให้ดัชนีมวลรวมของประเทศ หรือ GDP ในปีนี้อยู่ที่ 2% ซึ่งไม่อยากให้มีการตระหนกตกใจกับตัวชี้วัดที่ขึ้นลงมากนัก
ส่วนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น คสช.กำลังเร่งปรับปรุงระบบการสอบสวนผ่านระบบ Tele Conference เพื่อให้การทำงานรวดเร็วขึ้น ส่วนการพูดคุยสันติสุขกับผู้เห็นต่างนั้นจะมี 2 ช่องทางการพูดคุยคือช่องทางเปิดและช่องทางปิด ซึ่งเชื่อว่าเมื่อมีการพูดคุยกันแล้วจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น เพราะปัจจุบันทุกเหล่าทัพได้ทุ่มสรรพกำลังเข้าไปแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องดูแลชีวิตและทรัพย์สินประชาชน โดยใช้กฎหมาย ทำการพัฒนา สร้างความเข้าใจตามยุทธศาสตร์ 9 ข้อ
อนึ่ง สำหรับการประชุม คสช.วันนี้มีผู้แทนหัวหน้ากลุ่มงานทุกด้านเข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง, พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย หัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา, พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ, พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว หัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษ, พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา หัวหน้าฝ่ายกฏหมายและกระบวนการยุติธรรม, พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ หัวหน้าสำนักงานคณะกรรมกรรมปรองดองและการปฏิรูป, พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร เลขาธิการ คสช. รวมถึงนายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี