นายสิงห์ทอง ระบุว่า ต้องการให้ทั้ง คสช. และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) อย่าให้อำนาจกับองค์กรอิสระมากจนเกินไป เนื่องจากการดำเนินการที่ไม่เป็นกลางของทั้ง 2 องค์กร อาจจะทำให้ความพยายามในการสร้างความปรองของ คสช.ต้องสูญเปล่าได้
ด้านเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย นำโดยนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ ผู้ประสานงานเครือข่ายฯ เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 3 ถึงคสช. ผ่านศูนย์บริการประชาชนสำนักงานสำนักปลัดนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล เรื่องให้แก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น พร้อมเสนอมาตรการและแนวทางดำเนินงานต่างๆ ทั้งการให้ คสช.และรัฐบาลที่จะตั้งขึ้นประกาศให้การต่อสู้เพื่อเอาชนะการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นวาระแห่งชาติ จัดตั้งคณะกรรมการจากภาคส่วนต่างๆ มาขับเคลื่อน โดยจัดสรรงบประมาณและบุคลากรอย่างเพียงพอ รวมถึงการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับทุจริตคอร์รัปชั่นเพื่อให้เป็นไปตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น การเพิ่มโทษและให้คดีทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นอาชญากรรมร้ายแรง โดยมีศาลคดีคอร์รัปชั่นเป็นการเฉพาะ รวมถึงการใช้มาตรการทางภาษีอากร และการออกกฎหมายควบคุมการโฆษณาประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานภาครัฐป้องกันการใช้งบประมาณประชาสัมพันธ์ตัวบุคคล พร้อมกับเสนอแนวทางห้ามบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจ
ทั้งนี้ ยังเสนอแนวทางการรณรงค์ให้สังคมตระหนักถึงความรุนแรงของปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น สร้างจิตสำนึก การยึดมั่นในหลักคุณธรรม และเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพด้วย