ทั้งนี้ หลังศาลอาญาอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์แล้ว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวจำเลยไปยังห้องคุมขังใต้ถุนศาล และทนายความได้ยื่นคำร้องและใช้หลักทรัพย์เดิมเป็นเงินสด 10 ล้านบาทเพื่อขอให้ศาลอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ต่อมาศาลพิจารณาคำร้องขอปล่อยชั่วคราวแล้วเห็นว่า ควรส่งคำร้องให้ศาลฎีกาเป็นผู้พิจารณาว่าจะอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวหรือไม่ ซึ่งตามขั้นตอนดังกล่าวต้องใช้เวลาราว 3-5 วัน
ช่วงเช้าที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนให้ลงโทษจำคุกนายสนธิ จำเลยที่ 1, น.ส.เสาวลักษณ์ ธีรานุจรรยงค์ อดีตผู้บริหารแผนฟื้นฟู บมจ. แมเนเจอร์ฯ จำเลยที่ 3 และ น.ส.วยุพิน จันทนา อดีตกรรมการ บมจ.แมเนเจอร์ฯ จำเลยที่ 4 ในความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กรณีที่ร่วมทำสำเนารายงานการประชุมของกรรมการบริษัทที่เป็นเท็จว่ามีมติให้บริษัท แมเนเจอร์ฯ เป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ให้บริษัท เดอะ เอ็มกรุ๊ป จำกัด(มหาชน) ซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นผู้ถือหุ้น กับธนาคารกรุงไทย รวม 6 ครั้ง จำนวนเงิน 1,078 ล้านบาท
จำเลยที่ 1 และ 3 ไม่ได้ขออนุมัติจากมติที่ประชุมกรรมการบริษัท แมเนเจอร์ฯ และยังร่วมกันยอมให้มีการเปลี่ยนแปลงตัดทอนทำบัญชีไม่ตรงกับความเป็นจริง โดยไม่ได้นำภาระการค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าวซึ่งถือเป็นรายการที่ทำให้รายได้ของ บมจ.แมเนเจอร์ฯ เปลี่ยนแปลงผิดปกติ ซึ่งต้องแสดงรายการไว้ในงบการเงินประจำปี 2539-2541 และจะต้องนำส่งให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เพื่อลวงให้ผู้ถือหุ้นของ บมจ.แมเนเจอร์ฯ ขาดประโยชน์ที่ควรจะได้รับ รวมทั้งเป็นการลวงให้นักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ให้ได้รับรู้ถึงการค้ำประกันหนี้ดังกล่าว