"ขอโทษที่เสียงดัง เขาเตือนผมมาแล้วไม่ให้เสียงดัง แต่ไม่มีอะไร...ตื่นเต้นไปหน่อย"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในที่ประชุม
พล.อ.ประยุทธ์ นำเสนอการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 58 ต่อ สนช.โดยระบุว่า คสช.จะพยายามขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีนี้ให้เติบโตไม่ต่ำกว่า 2% จากที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)คาดการณ์ไว้ในกรอบ 1.5-2.5% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับที่ไม่น่ากังวลที่ 1.9-2.9%
ส่วนในปี 58 คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวในระดับ 3.5-4.5% ส่วนอัตราเงินเฟ้อยังทรงตัวในระดับต่ำใกล้เคียงปี 57 และแนวโน้มดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลอย่างต่อเนื่อง
"ขณะนี้สถานะทางการเงินมีความมั่นคง จีดีพีปีนี้ก็น่าจะโตได้ไม่ต่ำกว่า 2% เงินเฟ้อก็ไม่น่ากังวล ส่วนปี 58 เชื่อว่าทุกภาคส่วนในสังคมไทยจะมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและเข้าใจสภาพแวดล้อมในประเทศ รวมถึงจะมีโรดแมพที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งสิ่งสำคัญคือมุ่งหวังให้ประเทศไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ และเลิกความขัดแย้งให้ได้ในปีหน้า"
นอกจากนี้ หากเศรษฐกิจเติบโตได้และมีการบริหารจัดการที่ดี จะสามารถมีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ แต่สิ่งสำคัญต้องขึ้นอยู่กับการจัดเก็บภาษี ซึ่งหากมีมาตรการภาษีที่ชัดเจนออกมาก็จะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า เมื่อพ.ร.บ.งบประมาณมีผลบังคับใช้ หากมีการเรียกเก็บภาษีได้ หรือมีรายได้จากการประกอบการอื่นๆเข้ามา ก็จะสามารถปรับปรุงการจัดทำงบประมาณกลางปีได้ โดยจะเน้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานหรือโครงการที่มีความจำเป็นซึ่งมีส่วนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจนำไปสู่เป้าหมายจีดีพีในระดับ 3.5-4.5% ได้
"ร่างงบประมาณรายจ่ายปี 2558 จะจัดทำให้เกิดความครอบคลุม โปร่งใส ไม่ได้มุ่งเน้นต่อการเป็นรัฐบาลหรือ คสช. แต่มุ่งเน้นประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ในส่วนของกรอบขาดดุลงบประมาณ แม้ว่าจะสามารถตั้งได้สูงถึง 5.5 แสนล้านบาท แต่งบประมาณปี 58 ยังคงไว้ที่ระดับ 2.5 แสนล้านบาท และร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 58 จะยึดโยงกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 11 เป็นหลัก ซึ่งการทำงานในช่วงที่ผ่านมาได้ให้แต่ละกระทรวงไปจัดทำแผนงานงบประมาณในระยะเวลา 1 ปีของแต่ละกระทรวงให้เกิดความชัดเจน ซึ่งหลังจากนี้จะให้ทุกกระทรวงจัดทำโรดแมพทุกๆ 3 เดือน ในการประเมินแผนงบประมาณปี 58 ด้วย พร้อมทั้งจัดวางกรอบงบประมาณในช่วง 10 ปีข้างหน้าว่าควรจะเน้นการพัฒนาในส่วนใดบ้าง
นอกจากนั้น หลักสำคัญในการจัดทำกรอบงบประมาณ จะมีการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพรเจ้าอยู่หัวมาเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนให้เกิดเป็นรูปธรรม วางกรอบให้เกิดความเหมาะสมมีภูมิคุ้มกันที่ดี มีมาตรการรองรับความเสี่ยง และมีการประเมินความเสี่ยงตลอดเวลา รวมทั้งการจัดทำกรอบงบประมาณจะเน้นการบูรณาการ 14 ประเด็น เช่น การแก้ไขและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้มีความเป็นเอกภาพ โดยใช้งบประมาณ 25,744.03 ล้านบาท หรือ การสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวหรือการบริการ ด้วยงบประมาณ 16,240.90 ล้านบาท หรือการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ ใช้งบประมาณ 71,619 ล้านบาท การจัดการบริหารหนี้ภาครัฐ ซึ่งมีงบประมาณสูงถึง 183,270.60 ล้านบาท