สำหรับการประชุม คสช.วันนี้ได้มีหัวหน้ากลุ่มงานทุกด้านรวมถึงเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุม โดย หัวหน้า คสช.ได้ชี้แจงถึงการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานบอร์ดทุกชุดว่าจะคงมีหน้าที่เหมือนเดิมแม้จะมีรัฐบาลแล้ว และจากนี้ คสช.จะใช้อำนาจเท่าที่จำเป็นในเรื่องของความมั่นคง การรักษาความสงบเรียบร้อย คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก และขอให้ทุกกองกำลังปฏิบัติงานด้วยความละมุนละม่อม บังคับใช้กฎหมายเริ่มตั้งแต่กฎหมายปกติ หากยังไม่มีความจำเป็นถึงขั้นต้องใช้กฎอัยการศึก
พร้อมกันนี้ หัวหน้า คสช.ยังขอให้ทุกฝ่ายได้นำสิ่งที่ได้แถลงไปเมื่อวานนี้ยึดถือไปปฏิบัติด้วย อาทิ เรื่องการตรวจสอบการทุจริต การบริหารราชการแต่ละด้านที่ยังมีปัญหา รวมถึงเรื่องการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนอย่างปัญหาเศรษฐกิจ เช่น เรื่องยางพารา, การช่วยเหลือสินค้าเกษตร, และการแก้ไขปัญหาสังคม เป็นต้น
ส่วนการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)นั้น จะมีการเน้นให้มีการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ไปปฏิบัติควบคู่กับทำการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน, การบริหารจัดการน้ำ, การจัดพื้นที่เกษตรกรรม, การแก้ไขปัญหาสินค้า, การฟื้นฟูรัฐวิสาหกิจ, การปรับโครงสร้างภาษี และการปรับโครงสร้างพลังงาน เป็นต้น
นอกจากนี้ ในการวางยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาหรือขับเคลื่อนประเทศด้วยการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษนั้น หัวหน้า คสช.ชี้แจงว่า ไม่ใช่การป้องกันไม่ให้แรงงานเข้ามาในพื้นที่ แต่คือการตั้งพื้นที่เขตอุตสาหกรรม พื้นที่อยู่อาศัย พื้นที่การค้าขาย เพื่อลดปัญหาด้านแรงงาน การขนส่ง และเพื่อเพิ่มความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการเจรจาสันติสุขด้วยว่า ขณะนี้ได้มีการส่งผู้แทนไปเจรจากับประเทศมาเลเซียแล้ว โดยมาเลเซียมีท่าทีต้องการให้ฝ่ายทหารหรือฝ่ายความมั่นคงเป็นแกนนำในการเจรจาในฐานะผู้รับผิดชอบปัญหาโดยตรง ส่วนกรณีที่มีผู้แอบอ้างได้โควตาจาก คสช.ในเรื่องของน้ำ พลังงานโซลาร์เซลล์ ยืนยันว่า คสช.ไม่มีโควตาใดๆ ขอประชาชนอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง หากมีข้อสงสัยขอให้สอบถามมาที่ คสช.ได้โดยตรง
อย่างไรก็ดี สำหรับการประชุม คสช.วันนี้ มีวาระเรื่องเพื่อทราบที่จะพิจารณาจำนวน 12 เรื่อง แบ่งเป็นเรื่องเพื่อทราบปกติ 6 เรื่อง เรื่องเพื่อทราบถือเป็นมติเห็นชอบหรืออนุมติ 6 เรื่อง ขณะที่วาระเรื่องเพื่อพิจารณามีจำนวน 27 เรื่อง