โดยสำนักนายรัฐมนตรี หน่วยงานในกำกับและองค์กรมหาชน ได้รับการจัดสรรงบประมาณจำนวน 33,737,824,100 ล้านบาท เป็นงบประมาณของสำนักนายกรัฐมนตรี หน่วยงานในกำกับ และองค์การมหาชน เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดิน ขณะที่งบกลางได้รับการจัดสรรจำนวนกว่า 3 แสนล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ค่าใช้จ่ายชดเชย เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในกรณีฉุกเฉิน ค่าใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาลเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นต้น
จากนั้นเป็นการพิจารณางบประมาณของหน่วยงานของรัฐสภา โดยแบ่งเป็นสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณกว่า 1 พันล้านบาท เพื่อใช้ในการสนับสนุนการส่งเสริมงานด้านนิติบัญญัติ พัฒนาข้อมูล และบุคคลากรให้มีศักยภาพ และปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญในการปกครอง
ขณะที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้รับการจัดสรรงบจำนวนกว่า 5 พันล้านบาท เพื่อใช้ในการสนับสนุนงานของรัฐสภาทั้งในและต่างประทศ รวมทั้ง สนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมือง พร้อมทั้งพัฒนาระบบข้อมูล และเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมถึงโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่
นอกจากนี้ สถาบันพระปกเกล้าซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐสภา ได้รับการจัดสรรงบประมาณกว่า 400 ล้านบาท เพื่อนำไปศึกษาวิจัย สร้างองค์ความรู้ทางวิชาการเกี่ยวกับการพัฒนาการเมือง รวมทั้งเผยแพร่และสนับสนุนข้อมูลเกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
จากนั้นเป็นการพิจารณาหน่วยงานของศาลที่ได้รับการจัดสรรกว่า 2 หมื่นล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน โดยแบ่งเป็นสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ สำนักงานศาลยุติธรรม และสำนักงานศาลปกครอง
สำหรับการพิจารณางบประมาณของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ซึ่งถือเป็นส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวง โดยได้รับการจัดสรรงบประมาณกว่า 9 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ในภารกิจรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน งานด้านความมั่นคง และการถวายความปลอดภัย รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้ ขณะเดียวกันยังมีการสร้างความรู้ ความเข้าใจให้กับสังคมในเรื่องของการแก้ปัญหายาเสพติด นอกจากนี้จะนำงบประมาณไปพัฒนาบุคคลากรให้มีความเป็นมืออาชีพ เพื่อปฏิบัติงานตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อเกิดประสิทธิภาพ