"การประชุมกรรมาธิการนัดสุดท้ายวันพรุ่งนี้(5 ก.ย.) จะสรุปข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ ก่อนส่งไปยังสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาจัดพิมพ์และส่งให้สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) พร้อมจะบรรจุเข้าสู่การพิจารณาวาระ 2 และ 3 ในวันที่ 17 ก.ย.นี้ เบื้องต้นมีสมาชิก สนช.ลงชื่ออภิปรายไว้ประมาณ 10 คน ซึ่งคาดว่าใช้เวลาพิจารณาเพียงวันเดียวน่าจะเพียงพอ แต่หากไม่แล้วเสร็จก็สามารถขยายเวลาได้อีก โดยทั้งหมดเป็นไปตามกรอบเวลาที่วางไว้" พล.ท.ชาตอุดม ติตถะสิริ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ กล่าว
ทั้งนี้จากกรอบวงเงินงบประมาณทั้งสิ้น 2.575 ล้านล้านบาท กรรมาธิการฯ ได้ปรับลดลงทั้งหมด 16,823 ล้านบาท เอาไปไว้ในงบกลางกรณีสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อไว้ใช้สำหรับการแก้ปัญหา หากหน่วยราชการใดต้องการใช้งบแก้ปัญหาสำคัญ ซึ่งเป็นการปรับลดทุกหน่วยงาน โดยกระทรวงที่ปรับลดลงมากที่สุดคือกระทรวงคมนาคม และงบฯกลาง และในจำนวนนั้นได้ตัดลดค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐหรือโบนัสข้าราชการ 5,000 ล้านบาทลงไปด้วย เพราะทุกปีที่ผ่านมายังไม่เป็นมาตรฐาน แต่ให้ กพร.ไปพิจารณาออกหลักเกณฑ์ให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยเสนอรัฐบาลพิจารณาอีกครั้ง นอกจากนี้ยังปรับลดงบดูงานต่างประเทศ งบจ้างที่ปรึกษา งบโฆษณาประชาสัมพันธ์ของแต่ละหน่วยงานลงเกือบ 200 ล้านบาท และงบที่ดินสิ่งก่อสร้าง
"เรื่องดังกล่าวมีความละเอียดอ่อนอาจมีแรงกระเพื่อม แต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) มีนโยบายเพิ่มเงินเดือนให้กับข้าราชการอยู่แล้ว" พล.ท.ชาตอุดม กล่าว
พล.ท.ชาตอุดม มั่นใจว่าจะสามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้ทันในวันที่ 1 ต.ค.นี้ และทุกหน่วยงานต้องเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณในไตรมาสที่ 1 และ 2 ให้มากกว่าปกติ เพราะอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว รวมทั้งต้องชี้แจงรายละเอียดในการใช่จ่ายเงินงบประมาณทุก 3 เดือน เพื่อให้เกิดการตรวจสอบและโปร่งใส ทั้งนี้หัวหน้า คสช.อนุมัติมาตรการเร่งจ่ายเงินเป็นรายไตรมาส โดยปีหน้าจะเร่งจ่ายไตรมาสที่ 1 และ 2 ให้ได้มากกว่าปีที่ผ่านมา เพื่อให้มีเงินอัดฉีดในระบบ และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ