ทั้งนี้ อัยการสูงสุดไม่สั่งฟ้องนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของ พ.ต.ท.ทักษิณ กับพวกรวม 4 คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีว่า เนื่องมาจากบุคคลทั้ง 4 ไม่ใช่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ และมิได้เป็นตัวการ ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุนในการกระทำดังกล่าว จึงไม่อาจเป็นผู้ถูกกล่าวหาตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ได้ ทำให้คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.)และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ไม่มีอำนาจไต่สวน
หาก ป.ป.ช. ประสงค์จะดำเนินคดีนายพานทองแท้กับพวก ก็ต้องร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา ขึ้นต่อศาลอาญาแยกต่างหากอีกคดีหนึ่ง และจะต้องมีการสอบสวนแจ้งข้อหาให้ครบถ้วนตามกฎหมายด้วย อัยการสูงสุดจึงจะสามารถสั่งฟ้องได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ได้รับคดีของนายพานทองแท้กับพวกไปดูแลแล้ว
ส่วนประเด็นที่ว่า ข้อหารับของโจรมีอายุความแค่ 10 ปีนับจากวันที่เกิดเหตุเมื่อปี 47 อาจเป็นเหตุทำให้คดีหมดอายุความหรือไม่นั้น ต้องให้ทางดีเอสไอตรวจสอบสำนวนอีกครั้งว่าได้มีการกระทำความผิดต่อเนื่องมาจนถึงหลังปี 47 หรือไม่ ซึ่งจะทำให้อายุความของคดีถูกต่อออกไปได้