สำหรับโครงการที่จะเข้าหลักเกณฑ์ ต้องเป็นโครงการเกี่ยวกับการซ่อมแซมหรือบูรณะทรัพย์สินที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน เช่น การซ่อมแซมแหล่งน้ำ ระบบส่งน้ำ สถานพยาบาล โรงเรียน ตลาดกลาง และการปรับปรุงหรือฟื้นฟูแหล่งขยะ เป็นต้น
โครงการส่งเสริมพัฒนาชุมชนตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง การปรับเปลี่ยนการปลูกพืชใหม่ที่มีตลาดรองรับ การเปลี่ยนแปลงอาชีพ การสร้างฝาย การปลูกต้นไม้หรือป่าชุมชน ตลอดจนโครงการด้านเศรษฐกิจและสังคม เช่น โครงการเพิ่มศักยภาพการประกอบอาชีพของคนในหมู่บ้านหรือชุมชน การส่งเสริมการประกอบอาชีพการปรับปรุงซ่อมแซมศูนย์เด็กเล็ก ศูนย์บริการผู้สูงอายุ
สำหรับหลักเกณฑ์การตรวจสอบกลั่นกรองโครงการนี้ จะต้องเป็นโครงการที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการหมู่บ้าน หรือคณะกรรมการชุมชน และจะต้องเป็นโครงการที่ไม่ซ้ำซ้อนกับแผนงาน โครงงาน หรือกิจกรรมของส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ดำเนินการอยู่ในพื้นที่ และต้องเป็นโครงการที่หมู่บ้านหรือชุมชนสามารถดูแลรักษาใช้ประโยชน์ได้อย่างต่อเนื่อง มีความพร้อมที่จะดำเนินการได้ทันทีเมื่อมีการอนุมัติโครงการ รวมทั้งเป็นโครงการที่สามารถดำเนินการได้ภายในวันที่ 31 ธ.ค.58 ซึ่งช่วยบรรเทาและแก้ไขปัญหาให้แก่ชุมชนในสถานการณ์ปัจจุบัน
"ก่อนหน้าที่จะมีโครงการนี้ ได้มีการให้ความช่วยเหลือเงินทุนผ่านยังโครงการอื่นๆ ไปบ้างแล้ว จึงมีกติกาว่า งบประมาณที่จะจัดสรรให้แต่ละตำบล ตำบลละ 5 ล้านบาทนั้น ให้นับรวมถึงวงเงินที่เคยได้รับการจัดสรรงบประมาณตามมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและคนยากจน ในการส่งเสริมความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน ของกระทรวงมหาดไทยตามมติคณะรัฐมนตรีที่ผ่านมา ตำบลใดที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณตามมติอื่นแล้วครบ 5 ล้านบาท ก็จะไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบลอีก จะไม่ให้ซ้ำซ้อน ส่วนตำบลใดที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากมาตรการอื่นๆ แล้วแต่ยังไม่เต็มจำนวน 5 ล้านบาท ก็จะได้รับการจัดสรรงบประมาณตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบลเพิ่มเติมในวงเงินที่เหลืออยู่" พล.ต.วีรชน ระบุ