"อยากให้ทุกคนช่วยคิดกันว่ารัฐธรรมนูญฉบับต่อไปที่จะร่างขึ้นมาใหม่นี้ อย่าไปมองในเรื่องของประชาธิปไตยอย่างเดียว อย่าไปมองเรื่องการสืบทอดอำนาจของผม ไม่ต้องกลัวผม ผมพร้อมที่จะสละทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าหากว่าเราได้รัฐบาลที่รับผิดชอบ รัฐบาลที่ไม่ทำความผิดพลาดอีก นักการเมืองดีๆ มีมาก 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ ที่ไม่ดีก็มีอยู่บ้าง บางคนบางพรรค ทำให้พรรคเสียหายด้วย เพราะฉะนั้นก็ทำให้ทุกอย่างแย่ไปกว่าเดิม เว้นนี้เป็นโอกาสเดียวของประชาชน ของพวกเราที่จะทำให้ประเทศชาติของเราเดินหน้าไปได้ด้วยดีในอนาคต ผมก็ไม่ได้อยู่กับท่านแล้ว ผมคงช่วยท่านแก้ไขอะไรไม่ได้อีก เพราะฉะนั้น ถ้าท่านเป็นกังวลในเรื่องเหล่านี้ ท่านก็ต้องมาร่วมมือในการศึกษา ทำความเข้าใจในเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญตั้งแต่ต้น ขอเชิญชวนว่าจะทำอย่างไร พรรคการเมือง นักการเมืองไม่ว่าจะพรรคใดก็ตาม ผมอยากให้เข้ามามีส่วนอย่างน้อยในเรื่องของการปฏิรูป ในสภาขับเคลื่อนที่เรากำลังจะตั้งขึ้นมาใหม่"
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้เราต้องทำทั้งสร้างประชาธิปไตยใหม่ที่เป็นสากลและแก้ปัญหาประเทศชาติไปได้ด้วย อันนี้สำคัญที่สุด และเดินหน้าเรื่องการปรองดอง ผ่านกระบวนการกฎหมายและยุติธรรมก่อน และการปฏิรูปใน 11 เรื่อง 37 วาระ ที่ร่างกันไว้แล้ว ภายใต้กฎหมายที่จะต้องอำนวยความสะดวกในการทำงานดังกล่าวทั้งหมด
เรื่องการสร้างความขัดแย้งก็เช่นเดียวกัน ดูว่าครั้งที่แล้วมีปัญหาตรงไหน ถ้าบอกว่ามีปัญหาเฉพาะว่ามีการประท้วงแล้วทหาร ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ต่างๆ ไม่ไปช่วยปราบปรามการประท้วง ถ้าไม่มีเรื่องอย่างอื่นเข้ามา เช่น เรื่องการใช้อาวุธสงคราม การใช้ระเบิด ใช้อะไรต่างๆ มากับประชาชนที่ประท้วง และครั้งนี้ทหาร ตำรวจ เขาไม่ได้เกี่ยวข้องในการที่จะใช้กำลังดังกล่าว วันนี้ก็ติดคุกไปหลายราย สังคมก็ดูเอาเองก็แล้วกัน ผมไม่ได้ไปกล่าวอ้างว่าใครทั้งสิ้น
วันนี้เราเป็นนักการทหาร เข้ามาเป็นนักการเมืองโดยความจำเป็น และส่วนใหญ่ก็เป็นข้าราชการ เพราะฉะนั้นเรามุ่งหวังที่จะแก้ปัญหาที่เราต้องเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านั้นมาโดยตลอดชีวิตของพวกเรา ว่าทำอย่างไรเราจะไม่ถูกก้าวล่วงในการทำงานของให้เราทำหน้าที่ด้วยความบริสุทธิ์ใจภายใต้กฎหมาย ไม่เลือกปฏิบัติเจ้าหน้าที่ก็มีความสุข อันนี้ก็อยากจะฝากไว้ด้วย สำหรับผู้ที่เป็นนักการเมือง ผู้ที่จะเข้ามาในการใช้อำนาจต่อไป ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ในการมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปและปรองดอง) คปป.หรือไม่มี คปป.เป็นคำตอบอยู่ในตัวอยู่แล้ว ผมพูดมาตั้งแต่ต้นแล้ว ถ้านักการเมืองทุกคนทำได้ ทำจริง และถ้าไม่ทำจะเป็นอย่างไร ก็ไม่จำเป็นต้องมีอะไรทั้งสิ้น
เพราะฉะนั้นอาจจะต้องเป็นคำสัญญากันของนักการเมืองต่อไปหรือไม่ ในเรื่องของการเลือกตั้ง ก่อนการเลือกตั้ง การหาเสียงต่างๆ เหล่านี้ ผมไม่อยากให้ทุกคน แม้กระทั่งผมเอง
เรื่องการใช้อำนาจตามมาตรา 44 นั้น ผมจะใช้ในทางสร้างสรรค์เพื่อปฏิรูป ขับเคลื่อนประเทศ แก้ปัญหาที่ซับซ้อนให้ได้ภายในเวลาจำกัด บางปัญหานั้นก็ไม่อยากให้เอาไปกล่าวอ้างถึงสถาบันอีก ผมก็จำเป็นต้องใช้ เพราะฉะนั้นถึงผมจะใช้ไปแล้วก็ยังไม่หยุดยั้ง ก็ยังคงสนับสนุนให้มีบุคคลต่างๆ ในต่างประเทศ ใช้การให้ข่าวบิดเบือนทำร้ายสถาบันอยู่ตลอดเวลา ทั้งวาจา ทั้งสื่อ Social โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้จากต่างประเทศ ซึ่งเป็นกฎหมายของเราไปไม่ถึงตรงโน้น เราไม่สามารถไปปิดกั้นได้ ในการดำเนินงานของบริษัทต่างๆ เหล่านั้นได้ ในการส่งข้อมูลต่างๆ เหล่านั้นเข้ามา เราก็มาทำในบ้านเรา บ้านเราก็ถูกว่าจะต้องไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชนต่างๆ เหล่านี้ เราไม่เคยคิดอยากจะละเมิดใครเลย แต่ถ้าใครก็ตามมีพฤติกรรมเหล่านี้ ก็จำเป็นต้องมีกฎหมาย ผมคิดอย่างนี้ ช่วยกันคิดแล้วกันว่าจะต้องไปทำอย่างไร