พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในรายการ"คืนความสุขให้คนในชาติ" เมื่อคืนนี้ว่า คสช.และรัฐบาล อยากจะขอเชิญชวนคนไทยทุกคน ได้ช่วยกันทำความสะอาดประเทศให้ผ่านพ้นความเลวร้ายนานาประการ เมื่อมีความเลวร้ายเข้ามาอีก ซึ่งอาจจะเกิดจากกลุ่มคนที่ไม่หวังดีต่อประเทศชาติ ใช้วิธีการที่ละมุนละม่อม ปราศจากความรุนแรง ก็ให้กำจัดคนเหล่านี้ออกไปให้ได้ ภายใต้กฎหมายที่มีอยู่และกระบวนการยุติธรรมที่ต้องทำงาน ช่วยกันค้นหาความจริงในเรื่องต่างๆให้ได้ ที่คนเหล่านั้นทำไว้ แล้วอาจจะต้องมาเผยแพร่ ทำความเข้าใจ เพื่อจะสร้างความรู้สึกร่วมกัน ในการที่จะแก้ปัญหาต่าง ๆ ของประเทศชาติให้ได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว แต่อย่าใช้ความรุนแรง
"ก็ขอเถอะครับ อย่าให้ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายพิเศษอีกเลย หรืออำนาจอื่นๆ ใดก็ตาม ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีวันสิ้นสุดซะที หลายคนก็พยายามที่จะบังคับเหมือนกับตั้งใจ ให้เกิดเหตุการณ์เกิดขึ้นให้ผมต้องใช้อำนาจพิเศษ เพื่อที่จะเอาเหตุการณ์เหล่านั้นไปอ้างกับองค์กรอื่น ๆ บ้าง อะไรบ้างแล้วให้กลับมาเล่นงานประเทศไทย หรือเล่นงานผมก็ตามเหล่านี้ ก็คิดว่าพ่อแม่ พี่น้อง ประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจอยู่แล้ว ก็ขอร้องกันว่าให้ไปหยุดคนเหล่านี้ อย่าให้ทำอีกต่อไปเลย"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การใช้มาตรา 44 นั้น ที่ผ่านใช้ไปแล้วทั้งหมด 27 ครั้ง โดยทุกเรื่องเป็นไปในเชิงสร้างสรรค์ เพราะว่ามีคณะกรรมการ นอกจากกรรมการของคสช. แล้ว เมื่อตัดสินใจจะใช้ ก็จะใช้อำนาจของหัวหน้าคสช. ในการที่จะออกคำสั่งฉบับนั้น แล้วรัฐบาลก็สามารถที่จะแก้ปัญหาหลายๆ อย่างที่มีความขัดแย้งกันในเรื่องของกฎหมาย ความไม่พร้อม ความไม่ทันสมัยเหล่านั้น มาสร้างสรรค์ผลงานให้เกิดขึ้น ในสิ่งที่เป็นปัญหามายาวนานหลายเรื่อง
คสช. และรัฐบาลนี้มีอุดมการณ์และความมุ่งมั่น อย่างจริงใจที่จะทำทุกอย่างให้กับประชาชนและประเทศชาติ โดยไม่มุ่งหวังประโยชน์ส่วนตนอย่างแน่นอน และมีหน้าที่ในการที่จะนำพาประเทศ ฝ่าฟันอุปสรรค ต่อไปอีกระยะหนึ่ง ตามโรดแมพซึ่งในระยะที่ 2 นับจากก.ย.58 -ก.ค.60 หรือน้อยกว่านั้น ก็จะมีโครงสร้างในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการบริหาร ด้านการปฏิรูป ด้านการปรองดอง ในระยะแรก โดยมี คสช. ซึ่งจะเน้นภารกิจด้านความมั่นคงและการรักษาความสงบเรียบร้อยเป็นหลัก ดูแลพี่น้องยากจน รายได้น้อย มาตรการช่วยเหลือให้เกิดความเป็นธรรม โปร่งใส ทั่วถึง และจะเป็นเครื่องมือ เป็นกลไกพิเศษ ช่วยคลี่คลายปัญหาในการทำงานของรัฐบาล ให้เป็นไปอย่างทันต่อเหตุการณ์และมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ยังมีคณะกรรมการขับเคลื่อนด้านต่างๆ อีกหลายคณะ มีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ เพิ่มขึ้นอีกในขณะนี้ ที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งไว้ จะช่วยงานรัฐบาลทั้ง 3 ด้าน ด้วยการผนวก 11 ประเด็นปฏิรูปของคสช. เข้ากับข้อเสนอเดิมของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) 36 ประเด็นปฏิรูป กับอีก 7 ประเด็นพัฒนา รวมทั้งนโยบายใหม่ ๆ ของรัฐบาล เป็นแนวทาง สำหรับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นั้น ก็มีส่วนสำคัญ โดยเฉพาะกรณีที่การขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดิน ที่จำเป็นต้องออกกฎหมายมารองรับ ทั้งนี้ เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ อย่างต่อเนื่อง และไม่หยุดชะงัก สำหรับสภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ จะทำหน้าที่ต่อจาก สปช. ก็จะมาทบทวน มาจัดระเบียบ มาทำให้สอดคล้องเข้ากับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แล้วก็หาวิธีการว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป เพื่อจะทำให้สิ่งเหล่านั้นปฏิบัติได้ โดยที่ไม่ไปทาบทับอำนาจในเชิงบริหารอย่างที่ทุกคนกังวลว่าการมีคณะกรรมการจะไปทาบทับกับอำนาจของรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง ซึ่งขอยืนยันเจตนารมณ์ของตนว่าไม่เคยคิดเช่นนั้น โดยเรื่องของการจัดตั้งทั้งสภาขับเคลื่อนปฎิรูปประเทศ และกรรมการร่างรัฐธรรมนูญนั้นยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาอยู่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับการเดินทางไปร่วมการประชุมสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 70 ของ UN ที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกานั้น จะไม่มีการพูดถึงเรื่องการเมือง แต่จะได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นในหัวข้อต่างๆตามเป้าหมายของ UN ที่จะพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (MDGs) ทั้ง 8 ด้าน ได้แก่ 1. การขจัดความยากจนและความหิวโหย 2. การส่งเสริมให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานถึงระดับประถมศึกษา 3. การส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศและบทบาทสตรี 4. การลดอัตราการตายของเด็ก 5. การพัฒนาสุขภาพสตรีมีครรภ์ 6. การต่อสู้กับโรคเอดส์ มาลาเรีย และโรคสำคัญอื่น ๆ 7. การศึกษา จัดการ และการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน 8. การส่งเสริมการเป็นหุ้นส่วนการพัฒนาในประชาคมโลก โดยจะได้ชี้แจงว่าที่ผ่านมาไทยดำเนินการไปอย่างไรบ้าง และจะดำเนินการอย่างไรต่อไป "ถือเป็นปีที่พิเศษ เพราะ UN มีวาระครบ 70 ปี UN ต้องรู้ว่าท่านก็มีหน้าที่ในการดูแลประชาคมโลก ในหลายๆ เรื่องด้วยกัน ส่วนใหญ่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมือง การเมืองเป็นเรื่องส่วนตัว พูดคุยกันได้บ้าง แต่วาระเขาจะไม่พูดเรื่องนั้น เขาจะพูดเรื่องความก้าวหน้าของแต่ละประเทศในการดูแลประชาชน ในรอบ 15 ปีที่ผ่านมา ว่ามีการพัฒนาอย่างไรบ้าง และในอีก 15 ปีต่อไป จะมีการทำงานและความร่วมมือกันในระหว่างประเทศในลักษณะใด เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก บนโลกใบนี้...เพราะฉะนั้น ก็ขอให้ทุกคน ให้ทำความเข้าใจในเรื่องนี้ด้วย อย่าเอาเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้องกับเรื่องประเทศชาติ จะทำลายผม จะอะไรก็แล้วแต่ จะต่อต้านผมอย่างไรก็ตาม แต่ประเทศ ผมไปในนามประเทศของท่าน เพราะอย่างไรก็ตาม ประเทศนี้ต้องเดินหน้า"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว