นายกฯ ประกาศขับเคลื่อนศก.ฐานรากเพื่อประเทศเข้มแข็ง ย้ำไม่ใช่ประชานิยม

ข่าวการเมือง Sunday September 20, 2015 18:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดเวทีจุดประกาย "สานพลังประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก" เพื่อประกาศการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประชารัฐ เพื่อเศรษฐกิจฐานรากอย่างเป็นทางการ โดยมี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานจัดงาน ร่วมด้วยผู้นำภาคธุรกิจ เครือข่ายภาคประชาสังคม หน่วยงานส่วนท้องถิ่น เข้าร่วมประกาศเจตนารมณ์

นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้เป็นวันแห่งความสดใส ดีใจที่เห็นทุกคนมีรอยยิ้ม หน้าตามีความสุข วันนี้เรามาร่วมมือกันในการสร้างสรรค์ สร้างพลังในการทำความดีให้ประเทศชาติ ไม่ใช่เพื่อตนเอง หรือข้าราชการ แต่ทำเพื่อประชาชนทุกคน วันนี้ถือว่าเรามาร่วมมือกัน มาสัญญา ซึ่งไม่ใช่นโยบายหาเสียง ถือเป็นสัญญาระหว่างรัฐและประชาชน ที่จะร่วมมือแก้ไขปัญหา หรือแก้ไขความผิดพลาดในอดีตทั้งหมดให้ได้โดยความร่วมมือกัน แต่ไม่ใช่เป็นประชานิยม เพราะประชานิยมเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความนิยมต่อภาครัฐ แต่รัฐบาลนี้เป็นความร่วมมือของรัฐบาลกับประชาชนในการแก้ไขปัญหา อย่าลืมว่าสัญญาคือสิ่งที่สองฝ่ายตกลงที่จะร่วมมือกัน เหมือนผู้หญิงกับผู้ชายที่จะแต่งงานกัน ต้องมีการตกลงร่วมกัน ในการใช้ชีวิตร่วมกัน จะไม่ทิ้งขว้าง ซึ่งรัฐบาลนี้เราก็มีสัญญากับประชาชน ถือเป็นสัญญาระหว่างเราทั้งสองข้าง

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า วันนี้รัฐบาลพยายามทำทุกอย่างให้เกิดความเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำ ให้สังคมมีความมั่นคง และสงบสุข สิ่งสำคัญเราจะต้องเจริญเติบโตแข็งแรงไปด้วยกัน เมื่อสังคมเข้มแข็งก็จะไม่มีความขัดแย้ง ก็จะได้มีเวลามาเตรียมความพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงในโลก ปัจจุบันเทคโนโลยีมีการพัฒนาไปมากทุกคนสามารถเข้าถึงได้จากโทรศัพท์มือถือ ซึ่งทุกกระทรวงมีข้อมูลต่างๆ บรรจุไว้สามารถที่จะเข้าไปค้นหา และอย่าได้กลัวข้าราชการ ทุกคนพร้อมที่จะให้บริการประชาชน

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ความรู้เป็นสิ่งที่สำคัญและมีความจำเป็น และที่ตนต้องพูดอยู่ทุกวันก็เพราะต้องการให้ทุกคนเข้าใจ ถ้าเราไม่ฟังใครก็จะคิดไปเองโดยเฉพาะความเหลื่อมล้ำ ความท้อแท้ หมดกำลังใจ แล้วพอมีใครมาชักจูงก็ไปกับเขาง่ายๆ ไม่สามารถกลับมาสู่ช่องทางปกติได้ ทำให้เกิดความแตกแยกในประเทศ ประเทศก็เดินหน้าไม่ได้ วันนี้ประเทศชาติไม่ใช่ของตน หรือของคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของคนทั้ง 70 ล้านคน ที่เรียกว่าเป็นประชารัฐ หากฟังเพลงชาติไทยผู้ประพันธ์ก็ได้เขียนไว้ชัดเจนว่าประเทศไทย เป็นประชารัฐ ไม่มีคำว่าประชานิยม ประชารัฐหมายถึงประชาชนกับรัฐบาล ร่วมกัน รัฐบาลจะเป็นผู้ที่อำนวยความสะดวก เปิดช่องทางให้เอกชน ประชาชน เข้ามาร่วมมือกันตามกระบวนการประชาธิปไตย ไม่มีความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับรัฐบาล

"วันนี้ต้องสร้างความเข้มแข็งชุมชนท้องถิ่นให้ได้ การปลูกพืชเกษตรกรต้องมีการปรับเปลี่ยนตามฤดูกาล โดยรัฐบาลจะส่งเสริมทางด้านการตลาด ซึ่งมีแนวคิดจะเปิดตลาดกลางเพิ่มขึ้นเพื่อให้เกษตรกร มีการเชื่อมต่อและเจอกับผู้ค้าโดยตรง เป็นการสร้างเครือข่ายในท้องถิ่น เพื่อสร้างความสมดุลราคาสินค้า และต้องมีการพัฒนาสินค้า ไม่เช่นนั้นจะแข็งขันกับนานาประเทศไม่ได้ โดยต้องทบทวนกันใหม่ทั้งหมด เราต้องเดินหน้าประเทศให้ได้ เริ่มจากชุมชนท้องถิ่น จะได้เกิดความมั่นคง มั่งคง ยั่งยืน สิ่งที่ตนกลัวคือวันหน้าจะไม่มีคนปลูกข้าวให้กิน เพราะรายได้ตกต่ำ มีแต่หนี้สิน ขณะเดียวกันราคาข้าวในตลาดโลกก็เกิดการแข่งขัน คนทำนาหันไปทำงานโรงงาน แต่คิดว่าภายในปีสองปีทุกอย่างน่าจะดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นข้าว ยางพารา ถ้าเรามีการปรับเปลี่ยนตัวเอง วันนี้เราต้องพึ่งพลังประชาชน ต้องมีหัวใจที่ทุ่มเท น้ำไม่ดีก็ต้องบริหารจัดการน้ำ ต้องหาวิธีการ ถ้าเราไม่ขี้เกียจก็จะมีกินทุกวัน ถ้ารัฐทำดีก็ต้องส่งเสริม เพราะรัฐทำเพื่อคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งประเทศไทยเราเป็นรัฐหนึ่งรัฐเดียวแยกจากกันไม่ได้ ทั้งพฤติกรรม นิตินัย และพฤตินัย ต้องเท่าเทียมกัน มีการจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรทั่วถึงทุกภูมิภาค ที่สำคัญวันนี้เราต้องเปิดมุมมองใหม่เปิดตาให้กว้างและฟังในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ที่จะร่วมมือขับเคลื่อนประเทศไปให้ได้ ต้องฟังและคิดว่าใครอยากให้ประเทศเดินหน้า โดยเวลาที่ตนจะทำก็มีไม่มาก รัฐบาลช่วยทุกอย่าง แต่มันอยู่ที่คน ที่จะต้องร่วมมือกันทุกภาคส่วน รวมถึงข้าราชการ และรัฐบาล เพราะถ้าไปอย่างนี้มันไปไม่ได้ เพราะมันมีการเมือง มีคะแนนเสียง มันก็จะไปไม่ได้ มันก็จะเป็นอยู่แบบนี้ ตนเจ็บปวดแทนท่านนะ ซึ่งท่านต้องเข้มแข็ง ดูแลตัวเองให้ได้ เพราะจะมีสหกรณ์ มีกองทุน ต้องเชื่อมั่นไว้วางใจกันด้วย มีสัญญาต่อกัน อย่าทำให้ใครเดือดร้อน เมื่อเอาเงินไปแล้วก็ต้องเอาเงินมาคืน เพื่อให้คนอื่นไปใช้ต่อ อย่าเอาไปใช้ประโยชน์ทางการเมืองกับกลุ่มโน้น กลุ่มนี้ เพราะจะทำคนสองข้างตลอดเวลา ท่านต้องช่วยบ้านเมือง ขณะเดียวกัน การปลูกข้าวก็ราคาตก แต่ซื้อข้าวแพง ตนต้องให้เอาข้าวที่มีอยู่ในคลังขายให้สหกรณ์ทั่วประเทศ 181 แห่ง โดยลดให้ 20 เปอร์เซ็นต์ และใครไปซื้อราคาแพงก็ให้มาบอก นี้คือการทำธุรกิจเพื่อสังคม เพื่อประชาชนจริงๆ ถ้าทำความเข้มแข็งขึ้นภายในได้แล้ว ฐานรากก็จะเข้มแข็ง เกิดห่วงโซ่เพิ่มมูลค่า ถ้าเราทำไม่ได้ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจร่วมกันในภูมิภาคก็จะไปไม่ได้ ไม่ใช่มาค้าขายแข่งกัน แต่ต้องร่วมมือกัน ไม่ทิ้งประเทศไหนไว้ข้างหลัง ไม่ใช่แบ่งเขตแดนการค้าการลงทุน การไปมาหาสู่กันไม่มีประโยชน์ถ้าจะมารบกัน สิ่งสำคัญคนท้องถิ่นต้องเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ซึ่งตนฟังข้างล่าง ถ้าเข้มแข็งก็จะมีกองทุนหมุนเวียนลงไปมากกว่านี้ และต้องซื่อสัตย์ต่อกัน"

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า การเมืองที่เป็นประชาธิปไตย ต้องแก้ด้วยการมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มีธรรมาธิบาล ที่ผ่านมาก่อนมาในระยะต่อไปนั้น เราต้องไปมองที่ผ่านมาเป็นอย่างไร มีความสำเร็จ ฉะนั้นการเป็นประชาธิปไตยเราให้สมบูรณ์ ไม่มีความขัดแย้ง และต้องเดินหน้าประเทศอย่างที่ตนพูด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ