และการที่พรรคเพื่อไทยไม่เข้าร่วมเป็น สปท.ก็ไม่ถือว่าเป็นการเสียโอกาส แต่คิดว่าหากพรรคเพื่อไทยเข้าร่วม สปท.ย่อมมีความเป็นไปได้ที่จะถูกมองว่ายอมรับกับอำนาจรัฐประหาร
ส่วนกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุภายหลังจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้วทุกพรรคการเมืองอาจต้องไปจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่(เซ็ตซีโร่)นั้น คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ตนเองไม่ทราบว่าวัตถุประสงค์ของการเซ็ตซีโร่พรรคการเมืองทำเพื่ออะไร แต่ถ้ามีวัตถุประสงค์เพื่อสลายความขัดแย้งของ 2 พรรคการเมืองใหญ่ วิธีให้ทั้ง 2 พรรคเปลี่ยนชื่อและจดทะเบียนใหม่คงเป็นแค่เปลือก ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่แก่น
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ส่วนตัวสนับสนุนให้ผู้มีอำนาจคือรัฐบาลกับ คสช.เป็นเจ้าภาพในการจัดเวทีรับฟังความเห็นต่าง 2 ฝ่ายที่มีความขัดแย้ง เพื่อหาจุดสมดุลให้การแก้ปัญหาประเทศให้ได้ โดยจะต้องเป็นการจัดเวทีระยะยาวให้คุยกันอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่คุยกันเพียง 1-2 ครั้ง เพื่อเป็นเวทีกล่อมเกลาความคิด อะไรที่เห็นตรงกันให้นำมาใสไว้ในรัฐธรรมนูญและแผนการปฏิรูป อะไรที่เห็นต่างก็ถอยกันคนละก้าวเพื่อหาจุดสมดุล เพราะความปรองดองไม่สามารถใช้กฏหมายบังคับได้ ความเห็นต่างไม่ใช่สิ่งอันตราย หรือเป็นความขัดแย้งที่ต้องเข่นฆ่ากัน แต่ต้องมองว่าเป็นสิ่งที่สวยงาม ซึ่งเวทีของ สปท.ก็สามารถทำได้ แต่ คสช.กับรัฐบาลจะต้องให้ความสนับสนุน อย่างที่ผ่านมาเวทีร่างรัฐธรรมนูญหรือการรับฟังความเห็นเป็นเพียงรูปแบบ ไม่ได้รับฟังอย่างแท้จริง และจะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อผู้มีอำนาจระดับรัฐบาลร่วมผลักดัน