1.การที่อัยการสูงสุดมีความเห็นชี้ข้อไม่สมบูรณ์เพียงพอที่จะดำเนินคดีได้รวม 4 ข้อ อันประกอบไปด้วย ประเด็นปัญหาเรื่องโครงการรับจำนำข้าว ประเด็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ประเด็นเรื่องการทุจริต และประเด็นอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ซึ่งเป็นคุณกับตน แต่กลับไม่ได้ไต่สวนให้เสร็จสิ้นตาม พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและภายหลังกลับมีความเห็นสั่งฟ้อง 1 ชั่วโมงก่อนการพิจารณาถอดถอนตนที่ สนช.
2.การบรรยายฟ้องของอัยการสูงสุด ที่ยื่นฟ้องตนต่อศาลมีการเพิ่มเติมข้อกล่าวหาจากที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต(ป.ป.ช.) แจ้งข้อกล่าวหาเดิมตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 โดยไม่มีข้อกล่าวหาว่าทุจริต หรือสมยอมให้ทุจริต แต่คำฟ้องของอัยการสูงสุดกลับบรรยายว่าตนรู้เห็นและสมยอมให้เกิดการทุจริต ซึ่งเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับผู้อื่น
3. ในชั้นพิจารณาของศาล อัยการสูงสุดกลับนำเอกสารที่ไม่มีการไต่สวนในชั้นป.ป.ช. และในชั้นคณะทำงานร่วมระหว่างอัยการสูงสุดและป.ป.ช. ในคดีที่กล่าวหาตนเข้ามาในสำนวนจำนวนกว่า 60,000 แผ่น ซึ่งถือเป็นการนำเอกสารนอกสำนวน เข้ามาในสำนวนโดยมิชอบ
นอกจากนี้ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ยังเห็นว่าการดำเนินการของอัยการสูงสุดทั้ง 3 ข้อที่กล่าวมาเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จึงจำเป็นต้องรักษาสิทธิและใช้สิทธิตามกฎหมายที่ต้องฟ้องร้องกับทุกกรณีที่เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ไม่ชอบธรรม และไม่เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย ระเบียบ และหลักนิติธรรม