ประธาน สนช. กล่าวว่า การทำงานของ สปท.มีหน้าที่หลักคือการทำแผนงานที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) จัดทำไว้ เพื่อเดินหน้าแผนปฏิรูป ดังนั้นหน้าที่ของ สปท.ต้องดูว่าสิ่งที่ สปช.ทำไว้จะปฏิบัติจริงอย่างไร ซึ่งการปฏิบัติจริงของ สปท.คือการนำเสนอแผนงานให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นไปตามการปฏิรูปนั้นๆ ส่วนที่จะมาเกี่ยวกับ สนช.ก็เฉพาะตอนที่มีการแก้ไขกฎหมายหรือการเสนอออกกฎหมายใหม่ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ(ฉบับชั่วคราว) 2557 ให้อำนาจ สปท.เสนอกฎหมายให้ สนช.พิจารณา แต่มีข้อจำกัดว่าถ้าเป็นกฎหมายเกี่ยวกับการเงินต้องเสนอผ่านคณะรัฐมนตรี(ครม.)
ขณะที่การสรรหาคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) กรณีดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ซึ่งตามขั้นตอนทางธุรการนั้นจะเปิดรับสมัครวันนี้เป็นวันสุดท้าย ต่อจากนี้คณะกรรมการสรรหาต้องดำเนินการสรรหา ป.ป.ช.ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 20 ต.ค.58 จากนั้นจะเป็นหน้าที่ของ สนช.ในการพิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติด้านจริยธรรมและความประพฤติในเชิงลึกอีก 30 วันว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ ก่อนที่จะนำรายชื่อผู้ที่ได้คัดเลือกเป็น ป.ป.ช.ขึ้นทูลเกล้าฯ
ส่วนการสรรหาประธานศาลปกครองสูงสุดคนใหม่นั้น นายพรเพชร กล่าวว่า ทราบข่าวว่าคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง(ก.ศป.) มีมติให้นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล พ้นจากตำแหน่ง ซึ่งตนเองทราบเพียงแค่นี้ แต่ยังไม่อยากไปลงรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เพราะว่ากระบวนการยังไม่ถึงที่สุด และขณะนี้นายหัสวุฒิก็ยังต่อสู้คดีอยู่ หากพูดไปจะหาว่ากระบวนการสิ้นสุดแล้ว โดยระหว่างนี้จะไม่มีการคัดเลือกผู้เข้ามารักษาการแทนประธานศาลปกครองสูงสุด หากตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุดไม่มีก็ปล่อยให้ว่างไป รอจนกว่าจะมีคนใหม่เข้ามาทำหน้าที่ แต่ยอมรับว่าจะเกิดปัญหาเกี่ยวกับการทำงาน เนื่องจากตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุดว่างมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะมีคนใหม่มาทำหน้าที่เลย อีกทั้งประธานศาลปกครองสูงสุดมีบทบาทหน้าที่เป็นองค์ประกอบอยู่ในคณะกรรมการหลายชุด โดยเฉพาะคณะกรรมการชี้ขาดข้อพิพาทระหว่างศาลด้วย