"การที่ส่วนตัวเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ไม่ได้ถือเป็นตัวแทนของการปรองดองจากนายทักษิณ แต่ที่ผ่านมานายทักษิณ ได้มีความพยายามอยากให้เกิดความปรองดองในประเทศอยู่แล้ว ส่วนการปรองดองครั้งนี้จะสำเร็จเป็นรูปธรรมได้อย่างไรนั้น ก็ต้องให้ทุกฝ่ายร่วมมือกัน หากไม่ให้ฝ่ายผู้ถูกกระทำมาพูดคุยด้วย"นายสุชน กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงการรายงานตัว นายสุชนได้ทักทายกับ นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ อดีต สปช. ที่เข้ามารายงานตัวสปท. เช่นกัน โดยนายสังศิต ได้กล่าวแกมหยอกกับนายสุชนว่า “ลาออกจากพรรคแล้วหรือยัง" ซึ่งนายสุชนกล่าวว่า “ได้ลาออกแล้ว" หลังจากนั้นลุกขึ้นยืนจับมือกับนายสังศิต และก่อนให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน นายสุชนได้แสดงใบลาออกเพื่อยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยแล้ว
ต้อข้อถามว่า การที่พรรคเพื่อไทยอยู่วงนอกจะสามารถทำให้เกิดความปรองดองได้หรือไม่ นายสุชนกล่าวว่า ส่วนตัวไม่สามารถตอบในส่วนแทนพรรคเพื่อไทยได้ เนื่องจากได้ลาออกแล้ว แต่ในฐานะที่เป็น สปท.ก็จะมีการรับฟังความคิดเห็นจากทุกๆฝ่าย และก่อนลาออกจากพรรคส่วนตัวได้พูดคุยกับ นายทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่คิดว่าท่านน่าจะเข้าใจได้ว่าส่วนตัวเข้ามาทำงานเพื่อบ้านเมือง
ส่วนเรื่องแนวคิดการผลักดันการนิรโทษกรรม ซึ่งเป็นข้อเสนอจากกลุ่มคนเสื้อแดง ในเรื่องนี้จะดำเนินไปตามกรอบของรัฐธรรมนูฐชั่วคราว 2557 และเห็นว่าเรื่องของการปรองดองและการสมานฉันท์เป็นเรื่องที่สำคัญและเร่งด่วน เนื่องจากประเทศไทยเกิดปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองมานานแล้ว
“ถ้าหลายๆคนยังแบ่งแบกสีเสื้อ การปรองดองก็จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ การปรองดองเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งต้องมีเวทีคุยในเรื่องนี้ให้สอดคล้องกับแนวทางคณะรัฐบาล ซึ่งรูปธรรมเวทีเป็นเช่นไรจะต้องหารือแนวทางกับ สปท. อีกที และเรื่องนิรโทษกรรมเป็นเรื่องที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้ศึกษาเอาไว้แล้ว ถ้านำมาศึกษาต่อ ก็จะสามารถย่นระยะเวลาในการดำเนินงานลงได้"นายสุชน กล่าว
ส่วนการมีสมาชิก สปท.ที่มีความหลากหลาย จะถือว่าเป็นโมเดลของสภาปรองดองได้หรือไม่นั้น นายสุชน กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ก็เป็นนิมิตหมายดีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศให้ทุกฝ่ายหันหน้าคุยกัน ส่วน 200 คนที่ได้รับการแต่งตั้งนั้น เป็นบุคคลที่นายกฯได้เลือกคนที่มีความเหมาะสม