การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ของผู้ฟ้องที่ 1 คำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตฯ มีผลกระทบต่อผู้ฟ้องคดีที่ 1 โดยตรง ผู้ฟ้องคดีที่ 1 จึงเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย ส่วนผู้ฟ้องคดีที่ 2 ถึงผู้ฟ้องคดีที่ 6 เป็นเพียงผู้ดำเนินรายการและผู้ประกาศข่าวทางสถานีโทรทัศน์ มิได้เป็นคู่กรณีในกระบวนการพิจารณาทางปกครอง ไม่อยู่ในบังคับของคำสั่งทางปกครอง คำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตฯ ไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อผู้ฟ้องคดีที่ 2 ถึงผู้ฟ้องคดีที่ 6 ดังนั้นผู้ฟ้องคดีที่ 2 ถึงผู้ฟ้องคดีที่ 6 จึงไม่ใช่ผู้ได้รับความเดือดร้อน หรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายเสียหายที่จะมีสิทธิคดีฟ้องต่อศาลปกครอง ตามมาตรา 42 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณา พ.ศ.2542
"จึงมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของผู้ฟ้องคดีที่ 2 ผู้ฟ้องคดีที่ 3 ผู้ฟ้องคดีที่ 4 ผู้ฟ้องคดีที่ 5 และผู้ฟ้องคดีที่ 6 ไว้พิจารณา" คำสั่งศาลปกครองกลาง ระบุ
สำหรับคดีนี้บริษัท พีซ เทเลวิชั่น จำกัด ที่ 1 กับพวกรวม 6 คน ได้ยื่นฟ้อง กสทช. และ กสท. โดยระบุว่า กสทช.มีคำสั่งตามหนังสือลงวันที่ 30 เม.ย.58 เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการให้บริการโทรทัศน์ของช่องพีซทีวี(PEACE TV) และคำสั่งตามหนังสือลงวันที่ 30 เม.ย.58 ระงับให้บริษัท วีซายท์ เทเลคอม จำกัด ออกอากาศช่องรายการ(PEACE TV) ในฐานะเป็นผู้ให้บริการโครงข่ายโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยผู้ฟ้องคดีเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เป็นเหตุให้ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย