ที่ประชุม สปท.เช้านี้มีวาระสำคัญเพื่อเลือกผู้ดำรงตำแหน่งประธานและรองประธาน สปท.ช่วงแรกสมาชิกได้รับชมวิดีทัศน์ กรอบการดำเนินงานของ สปท.และแนวทางในการเลือกประธาน และรองประธาน สปท. โดยนำข้อบังคับการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) มาอนุโลมใช้ จากนั้นายชัย ชิดชอบ สมาชิกที่อาวุโสสูงสุดทำหน้าที่ประธานชั่วคราวแจ้งให้สมาชิกรับทราบถึงประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ในการแต่งตั้ง สปท. 200 คน ก่อนจะปฏิญาณตนเพื่อเข้าทำหน้าที่
จากนั้นเริ่มเลือกตำแหน่งประธาน สปท. ก่อนด้วยการให้สมาชิกเสนอชื่อบุคคลที่เห็นว่าเหมาะสม และต้องมีผู้รับรองไม่น้อยกว่า 10 คน โดยพล.อ.ฐิติวัจน์ กำลังเอก ได้เสนอชื่อ ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ เพียงคนเดียว ขณะที่การใช้เวลาในการเลือกตำแหน่งประธาน สปท.ใช้เวลาเพียงเล็กน้อย แต่ที่ประชุมใช้เวลา เกือบ 1 ชั่วโมง เปิดให้สมาชิก หารือโดยนายวิทยา แก้วภราดัย และนายกษิต ภิรมย์ สมาชิก สปท.ได้ขอหารือเพื่อที่จะให้สมาชิกได้สัมมนาละลายพฤติกรรม และทำความรู้จักกันก่อนที่จะมีการเลือกประธานและรองประธาน สปท.โดยไม่จำเป็นต้องรีบเร่งกับการที่ต้องทำงานร่วมกัน 20 เดือน อย่างไรก็ตาม สมาชิกหลายคนเห็นว่าจะเป็นการเสียเวลา เพราะมีภารกิจที่ต้องดำเนินการเพื่อการขับเคลื่อน
ร.อ.ทินพันธุ์ กล่าวภายหลังได้รับเลือกว่า จะทำหน้าที่ขับเคลื่อนการปฏิรูปต่างๆ สานต่องานสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) 37 วาระปฏิรูป 8 วาระพัฒนา เพื่อให้สำเร็จตามเป้าหมายที่รัฐธรรมนูญชั่วคราวบัญญัติไว้ ซึ่งการทำหน้าที่ของทุกคนเป็นความหวังของคนทั้งประเทศ ที่ต้องการให้ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงและปฏิรูปให้ดีขึ้นเพื่อประโยชน์ของคนทั้งประเทศ ดังนั้นสมาชิกทุกคนจะเป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนให้สำเร็จ ร่วมกับทุกฝ่ายโดยเฉพาะฝ่ายการเมืองที่ต้องร่วมมือ และสมาชิกต้องทำหน้าที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยยินดีรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย และส่งเสริมการทำงานของสมาชิก สปท.ให้เป็นเอกภาพ จากนี้จะเร่งทำระเบียบข้อบังคับการประชุม เพื่อวางกรอบการทำงานของ สปท.ให้เดินหน้าต่อไป
ขณะที่การเลือกตำแหน่งรองประธาน สปท.คนที่ 1 และคนที่ 2 มีการเสนอชื่อตำแหน่งละ 1 คนแบบไร้คู่แข่ง โดยนายอลงกรณ์ พลบุตร ถูกเสนอชื่อให้เป็นรองประธานสปท.คนที่ 1 โดยแสดงวิสัยทัศน์ว่าจะทำหน้าที่ด้วยความสุจริต ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศให้สำเร็จ ส่วนรองประธานสปท.คนที่ 2 น.ส.วลัยรัตน์ ศรีอรุณ ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง โดยแสดงวิสัยทัศน์ ยืนยันจะเร่งปฏิรูปทั้ง 37 วาระให้สำเร็จ และขอความร่วมมือจากสมาชิกทั้ง 200 คน