นายสุรพงษ์ กล่าวว่า สตง.ได้ทำหนังสือถึงประธาน สนช.โดยแจ้งผลการตรวจสอบว่า นายภักดีไม่ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นกรรมการขององค์การเภสัชกรรม และบริษัท เมอร์ริเออร์ชีวัตถุ จำกัด ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการ ป.ป.ช. ตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(คปค.) ฉบับที่ 19 เพื่อให้ สนช.ดำเนินตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
การที่นายภักดีไม่ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัทดังกล่าวภายใน 15 วัน ตามมาตรา 11 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 ส่งผลให้นายภักดีไม่มีสถานะเป็นกรรมการป.ป.ช.ตั้งแต่ต้น และไม่ชอบด้วยกฏหมาย ซึ่ง สนช.ในฐานะทำหน้าที่วุฒิสภาให้ความเห็นชอบบุคคลดำรงตำแหน่งเป็นประธาน ป.ป.ช.จึงต้องดำเนินการให้มีการสรรหา ป.ป.ช.คนใหม่ เป็นไปตามมาตรา 7 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช.ด้วย
ด้าน นายพรเพชร กล่าวว่า จะรับเรื่องดังกล่าวไปดำเนินการตามมาตรา 16 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช.ที่ให้สมาชิก สนช.เข้าชื่อไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 ยื่นเรื่องให้ประธาน สนช.บรรจุเรื่องดังกล่าวเข้าสู่วาระการประชุม เพื่อให้ดำเนินการตามกฏหมายต่อไป ซึ่งตนเองมีหน้าที่เพียงแจ้งให้สมาชิกทราบเท่านั้น หากสมาชิกเห็นด้วยก็สามารถมาเข้าชื่อเสนอเรื่องมา หลังจากนั้นก็จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป เพราะไม่เช่นนั้นจะถูกกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งคงไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ เพราะอาจถูกกล่าวหาว่าไม่เป็นกลางได้
ส่วนที่นายสุรพงษ์โต้แย้งว่า กระบวนการตามมาตรา 16 ใช้ในกรณีที่นายภักดีเป็นกรรมการ ป.ป.ช.แต่กรณีนี้ทาง สตง.ได้ตรวจสอบและชี้มูลว่า นายภักดีไม่ได้เป็นกรรมการ ป.ป.ช.มาตั้งแต่ต้น ดังนั้นจะต้องดำเนินการตามมาตรา 7 ของกฏหมาย ป.ป.ช.นั้น นายพรเพชร กล่าวว่า คุณสมบัติของนายภักดี ทาง สนช.ได้มีการตั้งคำถามไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช.ในสำนวนคดีถอดถอน ซึ่ง ป.ป.ช.ยืนยันว่า นายภักดีมีคุณสมบัติครบ ทาง สนช.จึงไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ อีกทั้งสมาชิก สนช.ก็ไม่เข้าชื่อร้องขอตามมาตรา 16 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ แต่ตนเองจะขอรับไปดูข้อกฏหมายว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง