1. พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 73/1 วรรคสอง ที่เป็นเหตุให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ส่งเรื่องให้กระทรวงการคลังตรวจสอบและเรียกร้องค่าเสียหาย หากมีค่าเสียหายตามที่นายวิษณุอ้างนั้นไม่เป็นความจริง กล่าวคือ
"กฎหมายดังกล่าวไม่ได้ระบุให้ใช้กฎหมายใดเรียกค่าเสียหาย และแม้จะใช้ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 โดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงก็ตาม แต่ก็มิใช่ไม่มีทางเลือกอื่นตามที่นายวิษณุกล่าวอ้าง" เพราะคดีนายเริงชัย มะระกานนท์ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เกี่ยวกับการปกป้องค่าเงินบาทที่นายวิษณุนำมาอ้างเป็นบรรทัดฐานนั้น ความจริงแล้วคดีดังกล่าวเมื่อสอบสวนเสร็จธนาคารแห่งประเทศไทยในฐานะหน่วยงานของรัฐได้ยื่นฟ้องนายเริงชัยต่อศาลยุติธรรมในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 เพื่อให้ศาลยุติธรรมพิจารณาพิพากษาแทนการออกคำสั่งทางปกครอง
2. คดีนายเริงชัยที่นายวิษณุยกมาเป็นข้ออ้างเทียบเคียงเป็นบรรทัดฐาน มีข้อโต้แย้งของคู่ความในคดีเรื่องเขตอำนาจของศาล ภายหลังธนาคารแห่งประเทศไทยยื่นฟ้องต่อศาลยุติธรรม ปรากฏว่า ศาลแพ่งและศาลปกครองได้มีคำวินิจฉัยเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลตามความเห็นที่ 63/2545 ลงวันที่ 19 กรกฎาคม 2545 ว่า "คดีที่ธนาคารแห่งประเทศไทยที่เป็นหน่วยงานของรัฐฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐในฐานความผิดเรื่องละเมิดตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 เป็นคดีที่ไม่อยู่ในอำนาจของศาลปกครอง แต่อยู่ในอำนาจของศาลยุติธรรม"
3. สำหรับเหตุผลที่ไม่ควรใช้ทางเลือกที่นายวิษณุเสนอให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ออกคำสั่งทางปกครองมีดังนี้ คือ
3.1 โครงการรับจำนำข้าวเป็นโครงการสาธารณะที่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ทำหน้าที่กำหนดนโยบาย ไม่ใช่ผู้สั่งการทำงานโดยตรง จึงไม่สมควรใช้วิธีการที่ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จะออกคำสั่งทางปกครอง
3.2 การจะเรียกค่าเสียหายเกี่ยวกับการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวก็เช่นเดียวกันกับคดีนายเริงชัย เพราะเป็นกรณีที่กระทรวงการคลังหน่วยงานของรัฐกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐในข้อกฎหมายเดียวกัน จึงต้องถือว่าเป็นคดีในลักษณะเดียวกันกับนายเริงชัย ที่อยู่ในเขตอำนาจของศาลยุติธรรม ไม่ใช่อยู่ในเขตอำนาจศาลปกครอง รัฐบาลจึงไม่ควรออกคำสั่งทางปกครองได้ เพราะกรณีไม่เข้าข่ายมาตรา 9 (3) ของ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542
3.3 พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีและประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการรับจำนำข้าว และได้กล่าวหาในหลายครั้งว่าโครงการทำให้ประเทศชาติเสียหาย จึงถือว่าเป็น "ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย" หรือ มิใช่ "ผู้ที่เป็นกลาง" ดังนั้นตามหลักนิติธรรมจึงไม่ควรออกคำสั่งทางปกครองตัดสินเอาผิดกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ควรจะส่งให้ศาลยุติธรรมพิจารณาพิพากษากรณีนี้
"การออกคำสั่งทางปกครองของ พล.อ.ประยุทธ์ ดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย" นายนรวิชญ์ กล่าว