สาเหตุที่รัฐบาลต้องดำเนินการต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะกระทรวงการคลังได้รับเรื่องจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 18 ก.พ.58 ไม่ได้มโนขึ้นเอง เมื่อได้รับเรื่องนายกฯกับรมว.คลัง จึงต้องออกคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 รัฐบาลไม่ทำไม่ได้ เพราะเราเป็นเจ้าหน้าที่รัฐต้องดูแลผลประโยชน์ของประเทศชาติ และที่ต้องใช้พ.ร.บ.ฉบับนี้เพราะในมาตรา 4 ระบุว่า เจ้าหน้าที่หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งในฐานะกรรมการหรือฐานะอื่นใด ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นจึงเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กขช.)โดยตำแหน่ง
ส่วนที่น.ส.ยิ่งลักษณ์จะขอยื่นพยานหลักฐานนั้น พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า ยินดี ไม่เคยปิดกั้น แต่ต้องเท้าความว่า คณะกรรมการฯได้เคยเชิญมาแล้วสองครั้ง ครั้งแรกน.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบกลับมาว่าเชิญมาในฐานะอะไร พอคณะกรรมการฯตอบไป ครั้งที่สองท่านก็ตอบกลับมาอีกว่าจะถามอะไร เข้าใจว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องการตอบเป็นเอกสาร จะเป็นเพราะว่าท่านอธิบายความแล้วคนฟังไม่เข้าใจเลยเขียนมาดีกว่า ซึ่งการถามไปและตอบมาแบบนี้แสดงออกว่าท่านต้องการประวิงเวลา ไม่อยากมา
"ดังนั้น ไม่ใช่เราไม่เคยเชิญ แต่เขาไม่มา ตอนนี้หากอยากจะยื่นพยานหลักฐานเราก็ยินดี ยังไม่สาย ให้มาเลย คณะกรรมการจะได้มีข้อเท็จจริงและรายละเอียดครบถ้วน แต่สิ่งที่ตอบมาครั้งก่อนๆ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอ่านสาระที่ตอบมาแล้วไม่สามารถเอามาใช้ได้เลย"
กรณีทนายความถามว่าทำไมคนอื่นถึงไม่โดนแบบนี้นั้น ก็เพราะไม่มีใครทำผิดเหมือนน.ส.ยิ่งลักษณ์ การจะทำอย่างนี้ได้จะต้องมีหนังสือจากป.ป.ช.มา ไม่ใช่รัฐบาลมโน ถ้าแจ้งมาก็ดำเนินการ ไม่เคยละเว้น ส่วนที่มีความพยายามจะเบี่ยงเบนอีกว่าเรื่องนี้มีพ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 โดยมาตรา 4 เขียนว่ามิให้ใช้บังคับแก่รัฐสภาและครม.นั้น ขอชี้แจงว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นการดำเนินการกับครม. แต่เป็นการดำเนินการรายบุคคล
อย่างไรก็ตาม กรณีนี้พล.อ.ประยุทธ์มีส่วนเกี่ยวพันเพียงครึ่งแรกเท่านั้น คือ ในขั้นของการลงนามร่วมกับการรมว.คลัง เพื่อออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 เมื่อดำเนินการสอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว การจะออกคำสั่งจะต้องดูในมาตรา 5 วรรคสองของพ.ร.บ.ดังกล่าวที่ระบุว่า หากเจ้าหน้าที่ไม่ได้สังกัดหน่วยงานใดให้กระทรวงการคลังเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้สังกัดหน่วยใด ดังนั้น คนลงนามจึงต้องเป็นรมว.คลัง
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีย้ำว่าเราจะดำเนินการทุกอย่างไปตามข้อกฎหมาย และยังเป็นห่วงว่าขณะนี้อยู่ในช่วงการดำเนินการตามโรดแมป มีเรื่องรัฐธรรมนูญ เรื่องการสร้างความปรองดอง จึงไม่อยากให้สิ่งต่างๆ ที่หยิบยกขึ้นมาในสังคมเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน ประเทศไทยจะเดินหน้าได้ประชาชนต้องรู้ข้อเท็จจริง ถ้าผิดเพี้ยนการทำความเข้าใจจะยาก กรณีต่างๆ จึงต้องมีคำอธิบายออกมา