"วันนี้คณะทำงานแก้ไขปัญหาคลองโอ่งอ่างได้มีมติที่จะดำเนินการตามแผนปฏิบัติการรื้อถอนอาคารสิ่งปลูกสร้างที่ลุกลามบริเวณคลองโอ่งอ่าง...โดยที่ประชุมฯ ได้กำหนดวันเริ่มดำเนินการรื้อถอนในวันที่ 20 ต.ค.58" พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะทำงานฯ
รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า กทม.ได้ดำเนินการตามระเบียบ คำสั่ง และข้อบังคับของกฎหมายครบทุกขั้นตอน โดยได้ออกคำสั่งปิดประกาศตามอาคารบ้านเรือนทุกหลังที่บุกรุกคลองโอ่งอ่างให้ทำการรื้อถอนอาคารผู้ค้าไปแล้วตั้งวันที่ 28 ก.ย.58 เพื่อให้ดำเนินการรื้อถอนภายใน 15 วัน แต่หากไม่ดำเนินการรื้อถอนภายในระยะเวลาที่กำหนด กทม.มีความจำเป็นต้องอาศัยอำนาจตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 44 ดำเนินการตามขั้นตอน โดยในดังกล่าว กทม.จะตั้งศูนย์อำนวยการ ปิดล้อมรั้ว และติดตั้งเครื่องมือสำหรับรื้อถอน พร้อมทั้งจะประกาศให้ผู้ค้าเร่งดำเนินการเก็บทรัพย์สินและสินค้าภายในตัวอาคารหรือร้านค้าของตนเพื่อป้องกันการเสียหาย
ส่วนกรณีที่กลุ่มผู้ค้าได้ยื่นหนังสืออุทธรณ์คำสั่งต่อ รมว.มหาดไทย นั้น พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า กทม.มีความจำเป็นต้องดำเนินการตามขั้นตอน ระเบียบ และข้อบังคับต่อไป ในระหว่างที่รอผลการพิจารณา จึงขอความร่วมมือและวิงวอนกลุ่มผู้ค้าให้ปฎิบัติตามกฎหมายโดยยึดถือความถูกต้องเป็นหลัก เพื่อประโยชน์ของประชาชนและสังคมส่วนรวม
ทั้งนี้ สำนักงานเขตสัมพันธวงศ์และสำนักงานเขตพระนครได้ออกหนังสือเตือนผู้ประกอบการค้าจำนวน 498 รายไปแล้วเมื่อวันที่ 13 ต.ค.58 โดยได้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับผู้บุกรุกที่สาธารณะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 มาตรา 368 และมาตรา 386 ประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 9 ประกอบมาตรา 108 ทวิ และ พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2504 มาตรา 32
ต่อมาภายหลังปิดประกาศคำสั่งของคณะปฎิวัติ ฉบับที่ 44 พ.ศ.2502(ปว.44) มีผู้ประกอบการค้ามายื่นหนังสืออุทธรณ์คำสั่งต่อ รมว.มหาดไทย ที่สำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ จำนวน 79 ราย ส่วนที่สำนักงานเขตพระนครมีผู้ประกอบการค้ามายื่นหนังสืออุทธรณ์คำสั่งต่อ รมว.มหาดไทย จำนวน 212 ราย รวมผู้ขออุทธรณ์คำสั่งทั้งสิ้น 291 ราย