นายศรีราชา วงศารยางกูร ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ชี้แจงต่อที่ประชุมคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ว่า อำนาจหน้าที่ และองค์ประกอบการสรรหาให้ความเห็นชอบผู้ตรวจการแผ่นดินควรคงไว้ตามรัฐธรรมนูญ 2550 ให้มากที่สุด เนื่องจากทำให้การทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนการตรวจสอบที่มีข้อจำกัด คือ คณะกรรมการบริหารรัฐวิสาหกิจ และสภามหาวิทยาลัย ตลอดจนหน่วยงานในภาครัฐ
ทั้งนี้ อยากเสนอให้ผู้ตรวจการฯ มีอำนาจตรวจสอบภาครัฐได้ทุกระดับ และเวลามีข้อเสนอแนะไปยังหน่วยงานใด หากไม่ปฏิบัติตามโดยไม่มีเหตุผลโต้แย้งอันสมควรกลับมาตามเวลาที่กำหนดให้ถือเป็นการทำผิดวินัย เสมือนขัดมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) พร้อมกับขออำนาจส่งคำร้องให้ศาลสั่งคุ้มคราวชั่วคราว 30 วัน เพื่อเป็นเวลาหายใจชั่วคราวในการลงพื้นที่ตรวจสอบ
ขณะที่การดำเนินการด้านจริยธรรมนั้นมีปัญหาด้านงบประมาณ เช่น ปีล่าสุดขอไป 800 ล้านบาท ได้มาเพียง 250 ล้านบาท ทั้งที่บ้านเมืองมีปัญหาเรื่องคุณธรรม คอร์รัปชั่น เป็นจำนวนมาก จนกลายเป็นปัญหาระดับชาติ หากเสริมเขี้ยวเล็บและงบประมาณแก่ผู้ตรวจการฯ ก็จะทำให้ทำงานมีประสิทธิมากขึ้น
"ขอฝากความหวังไว้กับ กรธ.ชุดนี้ว่าจะสร้างกลไกสกัดไม่ให้คนไม่ดี คนโกง เข้ามามีอำนาจได้ในที่สุด แต่หากจะมีการตั้งองค์กรใหม่ขึ้นมา เกรงว่าจะเริ่มงานไม่ทัน พร้อมกันนี้ก็ขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินคงความเป็นเอกเทศเอาไว้ ไม่ไปรวมกับองค์กรอื่น เพราะเรามีศักยภาพการทำงานจนได้รับความยอมรับ" นายศรีราช กล่าว