ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวภายหลังการให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดซึ่งมีนายจิรชัย มูลทองโร่ย หัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธานว่า ยืนยันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีความห่วงใยต่อโครงการจำนำข้าว แต่เมื่อเป็นนโยบายของพรรคที่ประกาศต่อรัฐสภาว่าจะใช้วิธีการรับจำนำข้าว ก็ต้องดำเนินการ แต่ไม่ได้ปล่อยปะละเลย ประมาท เลินเล่ออย่างร้ายแรง และควรรอคำพิพากษาของศาลฎีกา แผนกคดีอาญาทางการเมืองตัดสินก่อนว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์มีความผิดหรือไม่ ก่อนที่จะกล่าวหา
ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ ทำให้เกิดความเสียหายต่อโครงการรับจำนำข้าว เพราะการกำหนดนโยบายได้ผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกทั้งน.ส.ยิ่งลักษณ์ยังได้กำชับให้ระมัดระวังการดำเนินการ ให้ตรวจสอบทุกขั้นตอน และตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ มีตนเป็นประธาน ซึ่งได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และได้จับกุมและดำเนินคดีผู้กระทำความผิดอย่างต่อเนื่อง
“ในที่ประชุมครม. เมื่อปี 2555 ได้นำปัญหาโครงการเข้าสู่ที่ประชุม และได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ โดยมีผมเป็นประธาน ซึ่งผมได้ตั้งคณะอนุกรรมการ โดยดึงตำรวจและผู้บัญชาการ 11 ภาค ในการตรวจสอบโรงสีโกดังทั่วประเทศ และรายงานว่ามีข้าวไม่ได้มาตรฐาน ไม่ครบตามจำนวน จึงได้มีการดำเนินคดี 100 คดี และได้มีการรายงานตรงต่อนายกฯ แล้ว"ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
อีกทั้ง ร.ต.อ.เฉลิม ได้ทวงถามถึงคดีฟ้องเรียกค่าเสียหายบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส กรณีสำแดงเอกสารเท็จในการนำเข้าบุหรี่ ซึ่งมีการสั่งฟ้องให้ชดใช้ความเสียหายให้กับรัฐ 80,000 ล้านบาท และอัยการสูงสุดได้มีคำสั่งฟ้องแล้ว แต่ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ จนถึงขณะนี้ โดยระบุว่า หากตนพบความไม่ชอบมาพากลในคดี จะขออนุญาตคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงข่าว โดยไม่เอาประเด็นทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เพื่อติดตามในเรื่องนี้ต่อไป