อย่างไรก็ตาม การประชุมในครั้งนี้ที่กำหนดไว้เป็นห้องประชุมรัฐสภานั้น เพื่อให้สมาชิกของแม่น้ำ 5 สาย ได้เข้าร่วม ประชุมทั้งหมด ต่างจากการประชุมครั้งก่อนๆที่มีข้อจำกัดเรื่องเวลาและสถานที่ จึงไม่สามารถเชิญสมาชิกทั้งหมดเข้าร่วมได้
ส่วนที่การประชุมจะมีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์รัฐสภานั้น สมาชิกจะสามารถเสนอกรอบการปฏิรูปได้หรือไม่ เป็นสิ่งที่ต้องตกลงกับประธานในที่ประชุม เพื่อจัดสรรเวลาให้เกิดความเหมาะสม แต่ย้ำว่าการประชุมดังกล่าวไม่ใช่การอภิปรายหรือการซักฟอก
สำหรับเนื้อหาหลักจะอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ซึ่งจากความตั้งใจที่นายกรัฐมนตรีแจ้งกับ คณะรัฐมนตรีไว้ คือความต้องการพูดคุยกับสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) ที่ยังไม่เคยพบปะกันหลังจากที่มีการแต่งตั้ง ในเรื่องแนวทางการปฏิรูปประเทศ และความเชื่อมโยงกับโรดแมพของรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรียินดีที่จะให้มีการสอบถามในช่วงท้ายของการหารือ
"สมาชิกจะสามารถเสนอกรอบการปฏิรูปได้หรือไม่ เป็นสิ่งที่ต้องตกลงกับประธานในที่ประชุม เพื่อจัดสรรเวลาให้เกิดความเหมาะสม แต่ย้ำว่าการประชุมดังกล่าวไม่ใช่การอภิปรายหรือการซักฟอก" นายวิษณุ กล่าว
ส่วนกรณีที่กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)ไม่เปิดให้สื่อมวลชนเข้ารับฟังการประชุม อาจมีผลต่อการรับรู้ของประชาชนหรือไม่นั้น นายวิษณุ กล่าวว่า เพราะเป็นเรื่องของ กรธ. แต่เชื่อว่าสุดท้ายแล้วประชาชนก็ต้องรับรู้ แต่ในชั้นนี้ กรธ.อาจคิดว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะให้สื่อเข้าร่วมรับฟัง เพราะอาจทำให้ผู้ที่อยากแสดงความคิดเห็นไม่กล้าแสดงความเห็น แต่เชื่อว่าเมื่อดำเนินการไปอีกระยะหนึ่ง จะหมดปัญหาเรื่องดังกล่าว และในขณะนี้ก็ใช้กลไกของโฆษก กรธ. ในการให้ข้อมูล หากมีปัญหาก็คงจะมีการปรับการสื่อสาร
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โดยส่วนตัวก็อยากทราบความคืบหน้าของ กรธ. เพราะเมื่อสื่อฯไม่ได้เข้าฟัง ก็ไม่มีประเด็นออกมาให้รับทราบ แต่ก็พยายามเข้าใจการทำงานของ กรธ.และเชื่อว่ายังมีบางประเด็นที่ยังไม่ตกผลึก ทั้งนี้ในฐานะรัฐบาลคงไม่สามารถเสนอได้ว่า กรธ.ควรจัดทำโพลล์สอบถามความเห็นประชาชนในประเด็นสำคัญหรือไม่ แต่ย้ำว่าจะต้องมีการสื่อสารให้ประชาชนรับรู้ความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ส่วนวิธีการนั้นเป็นเรื่องที่ กรธ.ต้องพิจารณา แต่เห็นว่าในขณะนี้ กรธ.ก็พยายามที่จะสื่อสารอยู่แล้ว
นอกจากนี้ เห็นว่าที่ประชุมแม่น้ำ 5 สาย คงไม่หยิบยกกรณีที่หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการทำประชามติขึ้นมาหารือ เพราะเห็นว่ายังเร็วเกินไป และไม่น่าจะหารือในที่ประชุมแม่น้ำ 5 สาย และคงต้องหารือเป็นการเฉพาะในวงเล็ก
สำหรับการทำงานของ สปท.ควรจะมีโรดแมพที่ชัดเจนหรือไม่ว่างานด้านใดควรจะแล้วเสร็จก่อนหรือหลังนั้น นายวิษณุ เชื่อว่า นายกรัฐมนตรีจะหารือเรื่องเหล่านี้ในที่ประชุม ขณะที่ สปท.ก็มีการแถลงกรอบการทำงานอยู่แล้ว คือ สูตร 1+1+18 ซึ่งตรงกับความเห็นของรัฐบาล และเชื่อว่าจะมีการจัดลำดับความสำคัญของงานแต่ละเรื่องตามที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) ได้วางไว้อยู่แล้ว โดยย้ำว่างานด้านปฏิรูปต้องเริ่มก่อน แต่จะเสร็จหลังการเลือกตั้งอย่างแน่นอน เพราะเป็นสิ่งที่ต้องใช้ระยะเวลายาวนาน
ส่วนการสร้างความปรองดองต้องเสร็จในระดับหนึ่ง ในที่นี้คือสถานการณ์และบรรยากาศบ้านเมืองสามารถจัดการเลือกตั้งได้ ไม่มีการประท้วงเหมือนที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ 22 พ.ค.57 ซึ่งฝ่ายที่จะรับรู้ได้ คือฝ่ายการเมืองที่ต้องเป็นผู้ดำเนินการว่าจะเข้าร่วมการเลือกตั้งหรือปฏิเสธ รวมถึงต้อมีรัฐบาลที่สามารถทำงานได้ในระยะหนึ่ง เพื่อให้รัฐบาลต่อไปเข้ามาสานต่อเรื่องการปรองดองและงานปฏิรูป แต่หากไม่มีเค้าลางของการปรองดองเกิดขึ้นเลยก็ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้
นายวิษณุ กล่าวว่า โดยส่วนตัวเชื่อว่าบรรยากาศในขณะนี้มีความปรองดองในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะสองฝ่ายการเมืองที่ยังมีความขัดแย้ง แต่ก็ยังไม่ถึงระดับก่อนวันที่ 22 พ.ค.57 และเชื่อว่าสองฝ่ายการเมืองก็จะมีความปรองดองเกิดขึ้นได้