ทั้งนี้ ขอความร่วมมือทถกฝ่ายอย่ามองในเรื่องประชาธิปไตยและเรื่องรัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียว เพราะประเทศยังมีปัญหาหลายด้าน ทั้งเรื่องความมั่นคงและเรื่องเศรษฐกิจที่เป็นปัญหาหลักของประเทศ และจะใช้เวลานี้แก้ไขปัญหาในเชิงโครงสร้าง การสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าไม่ได้รังเกียจนักการเมืองที่จะเข้ามาจากการเลือกตั้ง แต่อยากเห็นนักการเมืองที่มีคุณภาพ ทั้งนี้ไม่อยากเห็นกลุ่มคนที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าตัวเองไม่สามารถแก้ปัญหาหรือจัดระเบียบได้ เพราะการปฏิรูปต้องทำทีละขั้นตอน และคนไทยต้องให้ความร่วมมือและเคารพกติกาด้วย
นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ในส่วนเรื่องกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ได้มอบหมายฝ่ายกฎหมายไปดูรายละเอียดในเรื่องคดีความที่เข้าสู่กระบวนยุติธรรมแล้ว อยากให้ดำเนินคดีความให้แล้วเสร็จภายในปี 60 ทั้งคดีทางการเมืองและคดีทั่วๆไป ก่อนที่จะนำไปสู่การกระบวนการสร้างความปรองดองต่อไป ดังนั้น จึงขออย่ามาทะเลาะกับตน แต่ขอให้สู้กับกระบวนการยุติธรรม
ขณะเดียวกันได้ประสานกับอัยการสูงสุดในการพิจารณาคดีความที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตภาครัฐ โดยแยกเป็นแผนกใหม่ เพื่อดำเนินการในเรื่องนี้โดยตรง ไม่ปะปนคดีอื่น
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ระบุว่าไม่ได้ห้ามให้ประชาชนใส่เสื้อสีใด เพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่ขออย่าสร้างความเดือดร้อนให้กับส่วนรวมและหากเกิดความวุ่นวายขึ้นในประเทศอีก แกนนำทุกคนจะต้องรับผิดชอบ รวมทั้งการปฎิบัติหรือเคลื่อนไหวใดๆที่ผิดคำสั่ง คสช.และมาตรา44 จะถือเป็นความผิดทั้งหมด พร้อมยืนยันตนเองพร้อมใช้อำนาจหากมีความจำเป็น
"จะใส่สีอะไรก็ใส่แต่อย่าสร้างความเดือนร้อน ถ้ามีเรื่องขึ้นมา โดนทั้งหมด แกนนำทั้งหมดโดน อยากจะใส่ก็ใส่มาผมไม่ได้ห้าม ใส่กางเกงใน เสื้อในใส่มาเหอะ แต่ถ้าสร้างความเดือดร้อนมีผลกระทบต่ออย่างอื่น แกนนำทั้งหมดต้องถูกลงโทษ ไม่วันนี้ก็วันต่อไป ผมประกาศไว้แบบนี้"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว