ป.ป.ช.แถลงเปิดคดีถอดถอน“สมศักดิ์"รวยผิดปกติ-สนช.นัดถกซักถาม 5 พ.ย.

ข่าวการเมือง Thursday October 29, 2015 16:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 2 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณาวาระแถลงเปิดสำนวนถอดถอนนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ จากกรณีร่ำรวยผิดปกติและจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ ที่ไม่แสดงทรัพย์สิน บ้านพักอาศัยเลขที่ 5/5 ตำบลไผ่จำศีล อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง

นายณรงค์ รัฐอมฤต กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงเปิดคดีว่า นายสมศักดิ์จงใจยื่นบัญชีแสดงทรัพย์สินเป็นเท็จ และไม่แสดงรายการเรื่องบ้านและเงินฝาก ทางป.ป.ช.เพราะจากการยื่นบัญชีทรัพย์สิน 21 กรณี ตั้งแต่ 11 ต.ค. 40 ถึง 2 ธ.ค.51 ไม่ปรากฏว่าไม่ได้แสดงบ้านหลังดังกล่าวและไม่เคยแสดงเงินสดด้วย

นอกจากนี้ ในการไต่สวนนายสมศักดิ์ยืนยันตลอดว่าบ้านพักดังกล่าวไม่ใช่ของตนเอง แต่เป็นบ้านของนายไพโรจน์ ฉัตรบริรักษ์ พี่ชายของนางระวีวรรณ ปริศนานันทกุล คู่สมรส โดยใช้เงินที่ได้จากการประกอบโรงสีวิเศษชัยชาญเจริญกิจ มาก่อสร้าง แต่ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วฟังได้ว่าบ้านดังกล่าวเป็นของนายสมศักดิ์ ซึ่งมีมูลค่า 16 ล้านเศษ ซึ่งสื่อมวลชนเสนอข่าวว่าบ้านดังกล่าวมีการปลูกสร้างมาตั้งแต่เป็น รมช.ศึกษาธิการ จนถึงเข้ามาเป็น รมว.ศึกษาธิการ และมีการต่อเติมปรับปรุงตกแต่งภายใน ซื้อวัสดุจากการร้านค้า ป.ป.ช.มีใบเสร็จทุกฉบับ

รวมทั้งยังพบว่านายสมศักดิ์ไม่ได้แสดงรายการเงินฝากของตนและคู่สมรส ซึ่งฝากไว้ในชื่อคนอื่นด้วยไว้ในรายการเงินสดตอนแจ้งบัญชีทรัพย์สิน ด้วย

อย่างไรก็ตาม เรื่องเงินสนับสนุนจากพรรคการเมือง จากคำให้การของนางพวงรัตน์ ชัยบุตร อดีตเหรัญญิกพรรคชาติไทย เบิกความต่อศาลว่า ช่วงปลายปี 39 นายสมศักดิ์รับเงินสนับสนุนจากพรรคการเมืองและบุคคลที่ไม่ทราบชื่อรวม 29 ล้านบาทเศษ แต่ไม่มีรายละเอียดการใช้จ่าย เป็นเหตุให้นายสมศักดิ์เปลี่ยนคำให้การว่าได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมือง แต่เมื่อตรวจสอบภาษีเงินได้พบว่า นายสมศักดิ์มีรายได้ช่วงปี 41 จำนวน 2,438,700บาท และ ปี 43 มีรายได้รวม2,854,000 บาท รวมแล้ว 5.3 ล้านบาทเศษ ไม่สอดคล้องกับทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้น

นายณรงค์ กล่าวว่า ป.ป.ช.มีมติว่านายสมศักดิ์ร่ำรวยผิดปกติ มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ หรือได้มาไม่สมควร สืบเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ โดยใช้อำนาจในตำแหน่ง จึงมีมติส่งรายงานไปอัยการสูงสุดเพื่อยื่นคำร้องต่อศาลฏีกาแผนกคดีอาญาฯให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน โดยล่าสุดศาลฏีกาแผนกคดีอาญาฯได้รับคำร้องแล้ว และส่งรายงานเอกสารมายังสภาสนช.เพื่อถอดถอนออกจากตำแหน่ง ตามพรบ. ป.ป.ช. ม. 56(1)

ด้านนายสมศักดิ์ แถลงคัดค้านข้อกล่าวหาว่า ในช่วงได้รับตำแหน่งรมว.ศึกษาธิการเป็นช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง จึงไม่เคยมีการทำโครงการขนาดใหญ่ หรือการทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง สักครั้งเดียว ไม่เคยไปช้อำนาจหน้าที่ไปแสวงหาประโยชน์ ส่วนประเด็นเรื่องที่มาของบ้านนั้นได้ซื้อที่ดินปี 39 ก่อสร้างเสร็จปี 41 ช่วงที่เป็นฝ่ายค้าน ก่อนดำรงตำแหน่ง รมช.ศึกษาธิการ ซึ่งมีภาพถ่ายทางอากาศจากกองทัพบกยืนยันได้ รวมทั้งผู้ควบคุมการก่อสร้างที่ให้การ ป.ป.ช.ก็ยืนยันว่าบ้านหลังนี้สร้างเสร็จ 8 เดือน ส่วนใบเสร็จซื้อวัสดุก่อสร้าง 18 ใบ ช่วงปี 43-44 รวม 1.4 ล้านบาท เป็นช่วงที่สร้างเสร็จแล้วแต่ต้องตกแต่งภายใน หรือในส่วนรื้อออกทำใหม่รวม 1.4 ล้านบาท

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ไม่ได้ปฏิเสธกระบวนการระบอบประชาธิปไตย แต่ทั้งหมดอยู่บนหลักการข้อเท็จจริง ซึ่งได้ชี้แจงต่อที่ประชุม สนช. ด้วยเอกสารพยานหลักฐานไปแล้ว ส่วนจะพิจารณาถอดถอนหรือไม่ถอดถอนก็อยู่ที่ดุลยพินิจ ผลออกมาอย่างไรก็จะยอมรับทุกกรณี แต่ไม่อยากทำให้สังคมต้องเบี่ยงเบน เสียหลักการ สูญเสียความยุติธรรม

จากนั้นนายพีระศักดิ์ กล่าวว่า จะเปิดให้สนช.ยื่นญัตติตั้งคำถามได้จนถึงวันที่ 30 ต.ค.เวลา 12.00 น. และจะนัดพิจารณาคำถามในวันที่ 5 พ.ย.นี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ