โฆษกฯ แจงใช้ม.44 ช่วยระบายข้าวเพื่อลดภาระ ส่วนคดีต้องเป็นไปตามกฎหมาย

ข่าวการเมือง Monday November 2, 2015 18:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 39/2558 เรื่องการคุ้มครองการบริหารจัดการข้าวคงเหลือในการดูแลรักษาของรัฐ และการดำเนินการต่อผู้ต้องรับผิดว่า คำสั่งดังกล่าวเป็นเครื่องมือหนึ่งในการระบายข้าวในสต็อกของรัฐบาล ซึ่งเป็นคนละประเด็นกับการดำเนินคดีของผู้กระทำผิดที่ต้องดำเนินการไปตามขั้นตอนปกติ จึงไม่อยากให้สังคมเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน เนื่องจากขณะนี้ยังมีข้าวตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลในอดีตคงเหลืออยู่ในการดูแลของรัฐทั่วประเทศเป็นปริมาณมหาศาล จึงจำเป็นต้องระบายออกเพื่อไม่ให้เป็นภาระทั้งค่าเก็บรักษาในโกดังต่างๆและการถูกกดราคาหากเก็บไว้นานกว่านี้

ทั้งนี้ การดำเนินการระบายข้าวอาจมีความเสี่ยงในหลายด้าน และมีคดีที่เกี่ยวข้องกับการระบายข้าวหลายคดี ขณะที่สต็อกข้าวที่จะระบายจะมีราคาที่แตกต่างจากราคารับจำนำค่อนข้างมากเพราะเป็นข้าวเสื่อมสภาพ ทำให้ผู้ปฏิบัติงานไม่กล้าตัดสินใจในการดำเนินการ และหาผู้ปฏิบัติงานได้ยาก คำสั่งดังกล่าวจะช่วยคุ้มครองผู้ปฏิบัติงานทั้งคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว คณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว เจ้าหน้าที่ภาครัฐ ภาคเอกชน และอีกหลายส่วน ที่ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น

“การใช้มาตรา 44 จะช่วยให้การระบายข้าวเร็วขึ้น ทั้งข้าวดีและข้าวเสื่อมสภาพ รวมทั้งช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการข้าวในสต็อกของรัฐ และช่วยให้ตลาดข้าวกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วได้ รัฐบาลขอยืนยันว่า แม้จะมีคำสั่ง หน.คสช.ดังกล่าวออกมา แต่ทุกอย่างก็ต้องดำเนินการไปตามข้อกฎหมายและระเบียบขั้นตอนในการระบายข้าวด้วยความโปร่งใส ไม่ใช่การใช้อำนาจตามอำเภอใจ" โฆษกรัฐบาล ระบุ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ