"คาดว่าจะเปิดประชุมเพื่ออภิปรายวาระดังกล่าวได้ในวันที่ 10 พ.ย.นี้ เมื่อได้ข้อสรุปอย่างไรจะส่งให้ กรธ.ทราบต่อไป ขณะเดียวกันที่ประชุม สปท.เตรียมเปิดประชุมให้มีวาระอภิปรายเรื่องการป้องกันและปราบปรามการทุจริตด้วย แต่ยังไม่ได้กำหนดวันและเวลา" นายคำนูณ กล่าว
นายคำนูณ กล่าวว่า ขณะนี้มีสมาชิก สปท.แสดงความจำนงเข้ามาเป็น กมธ.สามัญคณะต่างๆเรียบร้อยแล้ว และคณะกรรมการพิจารณาการดำรงตำแหน่งฯจะพิจารณาเกลี่ยรายชื่อของสมาชิก สปท.ไปดำรงตำแหน่งตาม กมธ.สามัญชุดต่างๆ ส่วนตำแหน่งประธานและรองประธาน กมธ.สามัญการปฏิรูปชุดต่างๆนั้น แม้ประธาน สปท.จะมีอำนาจแต่งตั้งเองได้ แต่ประธาน สปท.จะตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองพิจารณาบุคคลมาดำรงตำแหน่งประธาน กมธ.สามัญชุดต่างๆ เพื่อให้เกิดความรอบคอบต่อไป
ด้าน พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ โฆษก สปท. กล่าวว่า แนวทางการทำงานของ สปท.จะยึดตามกรอบวาระและข้อมูลที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)ได้ศึกษาไว้ และเลือกเรื่องที่มีความจำเป็นเร่งด่วนขึ้นมาดำเนินการก่อน และจะประสานงานกับแม่น้ำทุกสายในการทำงาน ซึ่งเชื่อว่าภายใน 1 เดือน กมธ.สามัญปฏิรูปทุกชุดจะสรุปแนวทางการทำงานส่งมาให้ที่ประชุม สปท.พิจารณาได้ โดยต้องมีการรายงานผลงานตลอดในช่วง 1 เดือน แต่หาก กมธ.ปฏิรูปชุดใดมีมติที่เปลี่ยนแปลงไปก็สามารถทำได้ แต่เรื่องใหม่ๆควรคิดให้น้อยที่สุด ควรสานต่องานเดิมของ สปช.
ขณะที่ นายสุวัฒน์ จิราพันธุ์ โฆษก สปท. กล่าวว่า ในวันที่ 11 พ.ย.นี้ เวลา 10.00 น. สปท.ได้เชิญคณะทูตต่างๆประจำประเทศไทย จำนวน 76 ประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศ 19 องค์กร มารับฟังแนวทางการปฏิรูปประเทศของ สปท.ที่ห้องสารนิเทศ รัฐสภา เพื่อให้ทูตแต่ละประเทศเข้าใจเป้าหมายและแนวทางการปฏิรูปประเทศเพื่อไปชี้แจงกับประเทศของตัวเอง
พร้อมกันนี้ยังเปิดโอกาสให้ทูตต่างประเทศได้ซักถามข้อสงสัยต่างๆ ซึ่ง ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธาน สปท.จะเป็นผู้กล่าวเปิดการชี้แจงวัตถุประสงค์ ส่วนในวันที่ 14 พ.ย. ได้เชิญเอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศจำนวน 96 ประเทศ มารับฟังแนวทางการปฏิรูปประเทศของ สปท.ที่กระทรวงต่างประเทศ เพื่อรับทราบแนวทางการปฏิรูปประเทศของสปท. เป็นข้อมูลไปชี้แจงให้นานาประเทศรับทราบต่อไป