ทั้งนี้ ประชุมได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการฯโครงสร้างฝ่ายบริหารไปศึกษาวิธีการเลือกหรือการลงมติมาอีกครั้ง ซึ่งในการประชุม กรธ.วันที่ 11 พ.ย.ที่จะพิจารณารายงานศึกษาโครงสร้างฝ่ายบริหารจะเปิดให้สื่อมวลชนร่วมสังเกตการณ์ด้วย
นายอมร กล่าวถึงเหตุผลการเปิดช่องให้มีนายกฯคนนอกว่า เราไม่อาจคาดการณ์ได้ว่าจะมีวิกฤติทางการเมืองเกิดขึ้นอีกหรือไม่ จึงเห็นว่าจำเป็นต้องเปิดช่องไว้ เพื่อไม่ให้พบกับทางตันเหมือนในอดีต แต่อาจจะไม่มีบทบัญญัติมาตรา 7 เพื่อไม่ให้นำมาใช้เรียกร้องนายกฯพระราชทาน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของขั้นตอน จำนวนเสียงลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น กรธ.ยังไม่ได้ลงรายละเอียด
ขณะที่คณะอนุกรรมการศึกษาโครงสร้างอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติเสนอว่า การใช้บัตรเลือกตั้ง 1 ใบจะช่วยส่งเสริมให้พรรคมีความเข้มแข็ง เพราะผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องพิจารณาผู้สมัครแบบแบ่งเขตและพรรคการเมืองไปพร้อมกัน ขณะที่พรรคก็ต้องสรรหาผู้สมัครแบบแบ่งเขตที่ต้องเด่นทั้งคนและดีทั้งพรรค
อีกทั้งจะทำให้บัตรเสียลดลง เพราะที่ผ่านมาที่ใช้บัตร 2 ใบจะมีบัตรเสียแบบแบ่งเขต 2 ล้านใบ และแบบบัญชีรายชื่อ 1.7 ล้านใบ ทั้งยังจะทำให้สามารถลดกรรมการประจำหน่วยลงได้ ลดค่าใช้จ่ายหน่วยเลือกตั้งลงกว่า 200 ล้านบาท ลดค่าพิมพ์บัตรเลือกตั้ง 66 ล้านบาท ตลอดจนค่าใช้จ่ายย่อยอื่นอีก รวมแล้วกว่า 676 ล้านบาท นอกจากนี้ ผลโพลแต่ละสำนักชี้ว่าบัตรใบเดียวจะสะดวกแก่ประชาชนมากกว่า
ส่วนการใช้บัตรเลือกตั้งแบบ 2 ใบ มีข้อสังเกตว่าจะทำให้พรรคการเมืองขาดความเข้มแข็ง เนื่องจากจะไม่ผูกพันกับผู้สมัครแบบแบ่งเขต เช่น ผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ได้คะแนนเป็นที่ 1 คือ 50,000-60,000 คะแนน แต่คะแนนพรรคการเมืองในเขตนี้ได้เพียง 10,000 คะแนน ทำให้คะแนนสองส่วนนี้ไม่สัมพันธ์กัน