สำหรับการมอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เข้าไปดูแลการดำเนินคดีดังกล่าว เพราะมีเรื่องของอนุญาโตตุลาการ จึงต้องการให้ฝ่ายกฏหมายของรัฐบาลพิจารณาให้รอบคอบ
"ผมไว้ใจฝ่ายกฎหมายของเรา เพราะวันนี้ฝ่ายกฎหมายเรา รวมทั้งรองวิษณุ เขาทำอย่างจริงจังลงไปในรายละเอียด เพราะผมเป็นรัฐบาล และผมสั่งให้เขาทำ อนุมัติให้ท่านทำ ให้เกียรติท่านไปทำให้ได้ ทำอย่างไรจะลดปัญหาลงไป ปัญหามาจากกฎหมายก็ต้องใช้กฎหมายไปแก้กันมาให้ได้ อย่าไปโทษรองวิษณุว่าทำไมสมัยก่อนถึงไม่ทำ ก็เพราะไม่มีใครไปตามจี้แบบนี้ เขาก็ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พร้อมระบุว่า คงไม่ใช้กฏหมายมาตรา 44 มาเพื่อเร่งรัดคดี เพราะคดีนี้เป็นเรื่องการค้าระหว่างประเทศ
"ผมจะไปสั่งให้ทุกประเทศในโลกทำตามคงไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้มีมาตรา 44 เหมือนเรา ประเด็นสำคัญคือเราต้องมาดูว่าเราจะเสียหายอะไรหรือเปล่า ต้องดูให้รอบคอบในทุกประเด็น หลายอย่างต้องมีการพูดคุยกันบ้าง และหาคำตอบให้ได้ แต่ไม่ใช่ผิดแล้วเราไปช่วยให้ไม่ผิด ถ้าผิดก็คือผิด ทุกอย่างต้องมาคิดว่าทำอย่างไรถึงจะเดินหน้าต่อไปได้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การดำเนินการเรื่องคดีทุจริตต่างๆ มีหลายคดี มีความเกี่ยวข้อง ยึดโยงในมาตราอื่นๆ ด้วย ดังนั้นก็ขอให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องระมัดระวัง รวมทั้งสื่อในการเสนอข่าวและขยายข่าวต่างๆ มีผลกระทบด้วยกันทั้งสิ้น หากใครทำผิดกฎหมายก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย