"วันนี้นอกจากทุกคนกดดันผมแล้ว ก็ต้องไปกดดันคนที่จะเข้ามาสู่กระบวนการในการบริหารราชการแผ่นดินต่อไปว่าเค้าจะทำอะไร นั่นคือสิ่งจำเป็นในนโยบายการหาเสียง ถ้ามัวแต่พูดถึงเรื่องของที่มานายกรัฐมนตรี ก็ได้แค่นั้น จะมาอย่างไรก็ไม่ต้องสนใจ ขอให้เป็นคนดี ถ้ามาจากการเป็น ส.ส.ก็ดีอยู่แล้ว และใครเป็นคนเสนอก็พรรคการเมืองอยู่แล้ว ดังนั้นอย่าให้มีการบิดเบือน เพื่อให้สังคมเกิดความสับสนว่าผมอยากจะอยู่ในตำแหน่งต่อไปหรือไม่ เพราะเป็นคนละเรื่อง กฎหมายก็คือกฏหมาย รัฐธรรมนูญได้เขียนไว้ ผมเป็นนักการเมืองหรือเปล่า ผมอยู่ในพรรคการเมืองหรือไม่ เค้าจะมาเสนอผมได้หรือเปล่า ก็ไม่ใช่ เสนอผม ผมก็ไม่ไป เพราะผมไปไม่ได้ เพราะเขาบอกพรรคการเมืองต้องเสนอไม่ใช่หรือ และมีพรรคการเมืองไหนเสนอคนอื่นหรือไม่ก็ไม่มีอยู่แล้ว" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเองไม่เคยรังเกียจนักการเมืองที่ดี แต่อยากเห็นความร่วมมือของนักการเมืองมาช่วยกันแก้ปัญหาและทำให้ประเทศเข้มแข็งได้อย่างไร ไม่ใช่มาออกวิจารณ์หรือกดดันตนเองให้ทำอย่างใดอย่างหนึ่ง และอยากเห็นประชาชนช่วยกันกดดันนักการเมืองที่จะเข้าบริหารประเทศต่อไปว่าจะดำเนินตามนโยบายที่หาเสียงไว้หรือไม่
ส่วนกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองว่า ไม่ทำให้ตนเองเสียสมาธิในการทำงานหรือทำให้เกิดอารมณ์โมโห เพราะตนเองยังให้เกียรติในฐานะเป็นผู้หญิงและเคยร่วมงานกันมาก่อน ส่วนที่ตนเองมีมีอารมณ์โมโหนั้นเพราะเป็นคนใจร้อน และอยากให้การทำงานเสร็จโดยเร็ว
"ก็เรื่องของท่าน ก็ให้เกียรติท่านสิ ผมทำงานมาด้วยกันก็ให้เกียรติท่านเสมออยู่แล้ว แต่คนที่อยู่รอบข้างท่าน บางทีก็ใช้ไม่ได้ ไม่มีใครยั่วอารมณ์ผมได้ ผมมีความเป็นตัวของตัวเอง ใครก็ยั่วผมไม่ได้ แต่เรื่องโมโหเป็นธรรมดา เพราะใจร้อนอยากให้ทุกอย่างเรียบร้อยโดยเร็ว แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกลไกของกฎหมายตามธรรมาภิบาล ผมยึดแบบนี้มาตลอด แต่หากมีการกล่าวพาดพิงว่าไม่เป็นธรรม กฏหมายว่าอย่างไรก็ต้องทำตามกฏหมาย ดังนั้นอย่านำสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ทำมา แล้วให้ผมทำตามที่พูด แต่ผมต้องการแรงสนับสนุนจากประชาชนเพราะผมทำให้ประชาชน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการตรวจสอบทุจริตโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ว่า กองทัพบกได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนอยู่ ซึ่งคาดว่าใช้เวลาสรุปผลภายใน 7 วัน และขออย่านำเรื่องนี้โยงเป็นประเด็นทางการเมือง เพราะหากพบว่ามีการทุจริตก็ต้องดำเนินการสอบสวนอยู่แล้ว ซึ่งก็มีโทษทั้งทางวินัยและอาญา
ทั้งนี้ตนเองไม่ทราบถึงยอดเงินบริจาคว่าเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ แต่ทราบว่ามีการใช้งบประมาณที่สูง เพราะต้องก่อสร้างพระราชานุสาวรีย์หลายองค์ ซึ่งผู้เกี่ยวข้องต้องไปดำเนินการสอบสวนหาข้อเท็จจริงออกมา
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ได้พูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.งกลาโหม แล้ว เพราะในฐานะนายกรัฐมนตรีก็ต้องดูแลรับผิดชอบ เพื่อให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม และทาง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ก็พร้อมให้มีการตรวจสอบในเรื่องนี้
กรณีพรรคเพื่อไทยออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบในเรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามกลับไปว่า ทำไมต้องให้รัฐบาลรับผิดชอบ สิ่งที่เป็นปัญหาในอดีต รัฐบาลที่ผ่านมาได้รับผิดชอบในปัญหาที่เคยเกิดขึ้นเรื่องใดบ้าง ทั้งเรื่องที่ประชาชนเรียกร้องให้ลาออกจนนำไปสู่ความขัดแย้ง ไม่อยากเห็นกลุ่มคนเหล่านี้ออกมาวิจารณ์ในลักษณะเช่นนี้ เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน
ส่วนกรณีที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน จะขออนุญาตเดินทางไปเข้าร่วมงานใหญ่ประจำปีที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ตามคำเชิญของสภาคองเกรสนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หาก คสช.ยังไม่ตอบรับ แสดงว่าไม่อยากให้เดินทางไป เพราะเกรงว่าอาจจะไปพูดให้ประเทศเสียหายได้ แต่เรื่องนี้ให้ไปสอบถามจากทาง คสช.ที่เป็นผู้พิจารณา