สำหรับการก่อสร้างรัฐสภาใหม่ที่ล่าช้าจนต้องมีการต่อสัญญาขยายเวลาการก่อสร้างออกไปนั้น นายพรเพชร กล่าวว่า โดยส่วนตัวไม่ทราบรายละเอียด และไม่มีใครมาปรึกษาในเรื่องนี้ เพราะเป็นหน้าที่ของเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
"ไม่สามารถพูดอะไรได้ เดี๋ยวจะกลายเป็นชี้นำ ได้แต่มอบนโยบายให้เลขาธิการสภาฯ ว่าต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก ส่วนบทลงโทษปรากฎในเอกสารรายงานลับนั้น ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้" ประธาน สนช.กล่าว
ส่วนที่จะต้องมีผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้หรือไม่นั้น นายพรเพชร กล่าวว่า เป็นการรับผิดทางวินัย โดยการละเว้นหน้าที่บางประการ ซึ่งอาจจะไม่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างรัฐสภาก็ได้ ส่วนการต่อสัญญาก่อสร้างนั้นไม่ทราบ เป็นเรื่องที่ต้องตกลงกัน โดยบริษัทที่ปรึกษาที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจ้าง จะต้องเป็นผู้คำนวณว่าต้องต่อสัญญาเพิ่มอีกกี่วัน ส่วนการต่อสัญญาก็เป็นเรื่องที่ต้องตกลงกัน
ประธาน สนช.กล่าววว่า การเรียกร้องค่าเสียหายไม่ใช่ประเด็น เพราะเมื่อ 2 ฝ่ายยินยอมให้มีการต่อสัญญาก็คงไม่มีการเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ อย่างไรก็ดี หวังให้การก่อสร้างรัฐสภาเสร็จให้ทันในสมัยที่ตนยังทำงานอยู่ แต่ทั้งนี้ก็อยู่ที่กระบวนการเจรจา ถ้าเจรจาไม่สำเร็จแล้วจะมีการเรียกร้องค่าเสียหาย ตนก็มีสิ่งที่จะต้องดำเนินการเพื่อรักษาผลประโยชน์ของรัฐ