สำหรับอำนาจถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ขณะนี้มีความชัดเจนว่าส.ว.จะไม่มีอำนาจดังกล่าว เพราะขัดต่อบุคคลที่มาจากคะแนนนิยมของประชาชน แต่ยังคงอำนาจเดิมที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะเป็นผู้ไต่สวนคดีไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณา ซึ่งไม่ได้เป็นการโยนอำนาจแต่อย่างใด เนื่องจากหากนักการเมืองมีความผิดหรือขาดคุณสมบัติ ซึ่งมีกฏหมายรองรับอยู่แล้ว เพียงแต่ให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ตีความ
นายนรชิต กล่าวว่า ได้มีการทำโพลล์ของนิด้าร่วมกับคณะ กรธ.ในประเด็นที่มานายกรัฐมนตรี โดยผลสำรวจกว่า 80% เห็นด้วยในการให้เสนอชื่อก่อนการเลือกตั้ง รวมถึงจำนวนรายชื่อที่ถูกเสนอส่วนใหญ่บอก 1 คน รองลงมา 3 คน และสุดท้าย 5 คน ส่วนคุณสมบัตินายกฯ จะเป็นสมาชิสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่นั้น ผลสำรวจส่วนใหญ่เห็นว่าไม่จำเป็น อีกทั้งผลสำรวจยังบอกว่าพรรคการเมืองอาจมีเสนอชื่อซ้ำกัน จึงต้องมีวิธีแก้ไขไม่ให้ซ้ำกันด้วย
ทั้งนี้ กรธ.ได้เห็นควรให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาแนวทางการปฏิรูป การศึกษา และการบังคับใช้กฏหมาย โดยมีอำนาจหน้าที่พิจารณาและดำเนินการศึกษาแนวทางการปฏิรูปการศึกษา และการบังคับใช้กฏหมายเพื่อบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีสมาชิกในคณะกรธ. 5 คน และไม่ใช่คณะ กรธ.อีก 4 คน โดยจะเริ่มประชุมหารือและทำงานในวันที่ 24 พ.ย.นี้