"วันนี้จะมีความชัดเจนในเรื่องทิศทาง แนวทางการปฏิรูปประเทศร่วมกันของทั้ง 3 ฝ่าย ก่อนที่สปท.จะสรุปวาระปฏิรูปประเทศวันที่ 8 ธ.ค.นี้ ส่วนของข้อเสนอแนะรัฐบาลต่อการปฏิรูปประเทศจะมีการจัดทำ คู่ขนานไปกับ ในส่วน สปท. ก่อนทำการสรุปอีกครั้ง"นายวสุวพันธ์ กล่าว
นายสุวพันธ์ ระบุว่า การปฏิรูปมีกลไกสำคัญ 2 ด้านคือ คณะกรรมการขับเคลื่อนที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี 6 ด้านรับผิดชอบ และอีกส่วน คือ การทำงาน ของ สปท.ที่มีคณะกรรมการขับเคลื่อน ทั้ง 11 ด้าน ทั้งนี้หลังจากการหารือ จะมีการชี้แจงรายละเอียดอีกครั้ง ถึงข้อสรุปในการทำงานร่วมกัน
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีมติ 3 ประเด็น คือ การทำหน้าที่ของวิปรวม 3 ฝ่าย ที่จะคอยอำนวยการให้การปฏิรูปประเทศเดินไปด้วยความราบรื่นและให้บรรลุผลสัมฤทธิ์ โดยจะใช้กลไกในส่วนของรัฐบาลที่มีคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปและการบริหารราชการแผ่นดินใน 6 ด้าน ส่วนสปท. มีคณะกรรมาธิการ 12 คณะ และมีคณะกรรมาธิการของ สนช. อีก 16 ด้าน โดยทั้งหมดจะทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะ สปท. จะมีการตั้งผู้ประสานงาน ทำงานร่วมกับรัฐบาลให้สอดคล้องใน 6 ด้าน ซึ่งทั้ง 3 ฝ่าย จะร่วมกันขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคอย่างบูรณาการ โดยในส่วนภูมิภาคจะเน้นสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติให้มีการประชุมทั้ง 3 ฝ่าย สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ทุกวันพุธ ในเวลา 09.30 น. โดยในวันพุธที่ 9 ธ.ค. จะหารือจัดเรียงวาระการปฏิรูป รวมถึงได้หารือถึงความคืบหน้าการดำเนินงานด้านการปฏิรูปของแต่ละฝ่ายให้ได้รับทราบร่วมกัน เช่น รัฐบาลได้ดำเนินการปฏิรูปไปแล้วในส่วนของการศึกษา ขณะที่ สนช. ได้รายงานการปรับบัญชีกฎหมายที่สำคัญ เป็นต้น
"การดำเนินงานปฏิรูปทั้ง 3 ฝ่ายก็เป็นไปตามโรดแมพ ในระยะที่ 2 ของรัฐบาล ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วง 6 เดือนแรก ซึ่งภายในเดือนธ.ค.นี้ ก็จะเห็นวาระการปฏิรูปอย่างชัดเจน ว่าจะทำเรื่องใดได้สำเร็จภายในเดือนก.ค.60 หรือเรื่องใดที่ทำได้บางส่วน และบางเรื่องอาจจะทำได้เพียงเริ่มต้นไว้"นายสุวพันธุ์ กล่าว
ส่วนการปฏิรูปเรื่องใดเป็นเรื่องที่ล่าช้าที่สุดนั้น นายสุวพันธุ์ มองว่า มีบางส่วนที่มีความซับซ้อน โดยเฉพาะการแก้ไขกฎหมาย และการบริหารราชการแผ่นดิน ขณะที่การปฏิรูปการปรองดองก็อยู่ในเกณฑ์ดี แต่ก็ต้องใช้เวลา
นายสุวพันธุ์ ยังกล่าวถึงการแถลงผลงานของรัฐบาลว่า เบื้องต้นกำหนดไว้เป็นวันที่ 23-25 ธ.ค. โดยนายกรัฐมนตรี จะมากล่าวเปิดและสรุปปิด รวมถึงร่วมรับประทานอาหารกลางวันและจิบน้ำชาในช่วงบ่าย ซึ่งการแถลงข่าวก็จะมีการจัดนิทรรศการประกอบการแถลงข่าว โดยในวันที่ 23 ธ.ค.จะเป็นการแถลงของรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ขณะที่วันที่ 24 ธ.ค.เป็นการแถลงของรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายสังคม และในวันที่ 25 ธ.ค.จะเป็นการเป็นการแถลงข่าวของรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ นอกจากนี้ในช่วงเทศกาลปีใหม่ รัฐบาลก็จะมีของขวัญมอบให้ประชาชนเช่นเดิม