ทั้งนี้ ทางเครือข่ายฯ มองว่า ร่างแก้ไขกฎหมายทั้ง 2 ฉบับที่นำเสนอโดยกระทรวงพลังงาน และ ครม.มีมติรับหลักการไปแล้วเมื่อเดือน เม.ย.58 นั้นมีรายละเอียดไม่ครบถ้วน ขาดเนื้อหาสำคัญที่แตกต่างจากรายงานผลการศึกษาปัญหาของ พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ สนช.
โดยสาระสำคัญในร่างแก้ไข พ.ร.บ.ปิโตรเลียมของกระทรวงพลังงาน ได้เพิ่มคำว่า"แบ่งปันผลผลิต"เข้ามา แต่กลับไม่ใช่ระบบแบ่งปันผลผลิตที่ใช้กันแพร่หลายทั่วโลกจริง อีกทั้งยังไม่ได้แก้ไขปัญหาต่างๆ ตามที่ระบุไว้ในรายงานการศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ สนช.แต่อย่างใด ซึ่งนำไปสู่ปัญหาในภาคปฏิบัติมากยิ่งขึ้น และยังไม่ได้ส่งเสริมการแข่งขันที่แท้จริง ขาดความโปร่งใสในการบริหารจัดการอย่างมีธรรมาภิบาล ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน ไม่ได้ปรับปรุงจัดการด้านสิ่งแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อชุมชน และไม่ได้แก้ไขช่องโหว่ของกฎหมายเรื่องการจัดเก็บรายได้ของแผ่นดิน ดังนั้นหากนำไปใช้ย่อมจะเกิดความเสียหายต่อประเทศทั้งในปัจจุบันและอนาคต