นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ โฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมฯ พิจารณาบทบัญญัติที่เกี่ยวกับการตรา พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ โดยกำหนดให้ ส.ส.ต้องพิจารณาแล้วเสร็จภายใน 105 วัน เพื่อส่งต่อให้วุฒิสภาพิจารณาให้เสร็จภายใน 20 วัน รวมระยะเวลา 125 วัน โดยสาระสำคัญ คือ ห้ามไม่ให้ ส.ส.แปรญัตติเพิ่มงบประมาณค่าใช้จ่าย ให้ทำได้เพียงแค่ปรับลดหรือตัดงบประมาณได้เท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ ส.ส.นำเงินงบประมาณไปใช้ประโยชน์ส่วนตน และสร้างความนิยมทางการเมือง แต่มิให้ ส.ส.ตัดงบ 3 ประเภท คือ 1.เงินสำหรับจ่ายเงินกู้ 2.เงินสำหรับจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ และ 3.เงินกำหนดจ่ายตามกฎหมาย
นอกจากนี้ ส.ส.ต้องไม่มีส่วนหรือการกระทำใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ในการแปรญัตติงปบระมาณแผ่นดิน ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ใช้งบประมาณแผ่นดินไปในทางผลประโยชน์ทับซ้อน กรธ.จึงกำหนดให้กรณีที่ ส.ส.หรือ ส.ว.สงสัยบุคคลใดกระทำการฝ่าฝืนเรื่องดังกล่าวสามารถรวมรายชื่อ 1 ใน 10 ของสภาใดสภาหนึ่งส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความโดยศาลรัฐธรรมนูญต้องพิจารณาให้เสร็จภายใน 7 วัน
ทั้งนี้ ในกรณีศาลวินิจฉัยว่ากรณีบุคคลกระทำการฝ่าฝืนจริงก็ให้เรื่องที่พิจารณาดังกล่าวตกไป และให้ ส.ส.คนนั้นพ้นจากตำแหน่งทันทีและถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต ขณะที่หากมีประเด็นความผิดทางอาญาก็จะส่งต่อไปให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาต่อไป ซึ่งถือเป็นกลไกใหม่ที่ กรธ.ชุดนี้คิดขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้ ส.ส.แปรญัตติ เพื่อตัดงบประมาณไปเข้าพกเข้าห่อตนเองและพวกพ้อง
นายชาติชาย กล่าวว่า หลังจากร่างรัฐธรรมนูญมา 2 เดือนกว่า จากการสอบถามความเห็นประชาชน และผลโพลต่างๆ ส่วนตัวมีความมั่นใจว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะผ่านการทำประชามติ เนื่องจากไม่ได้ร่างรัฐธรรมนูญไปกลั่นแกล้งใคร และร่างโดยใช้หลักการพื้นฐานทั่วไปที่ทุกคนยอมรับ