"วิษณุ"ระบุงานสำคัญปี 59 รื้อเกณฑ์ตั้งขรก.ระดับสูง-ปฏิรูป ตร.-ออกกม.เศรษฐกิจ

ข่าวการเมือง Wednesday December 23, 2015 13:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ด้านกฎหมาย กล่าวในโอกาสการแถลงผลงานของรัฐบาลว่า งานสำคัญที่จะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.59 ประกอบด้วย การวางระบบการแต่งตั้งข้าราชการระดับอธิบดี และปลัดกระทรวง ซึ่งจะมีการกำหนดหลักเกณฑ์ใหม่ทั้งหมดและเริ่มดำเนินการได้ในเดือนต.ค.59 พร้อมทั้งจะมีการประเมินการทำงานของหัวหน้าส่วนราชการในทุกส่วนในรูปแบบใหม่ ด้วยการประเมินจากภารกิจตามปกติตามยุทธศาสตร์ที่มอบหมายเป็นพิเศษ และจะมีผลต่อการแต่งตั้งโยกย้ายในรูปแบบใหม่ด้วย

รวมถึงจะมีการเดินหน้าปฏิรูปตำรวจอย่างจริงจัง โดยเริ่มจากการแต่งตั้งตำรวจ การบริหารงานบุคคล การกระจายอำนาจจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) สู่ผู้บังคับบัญชาระดับต่างๆ รวมถึงระบบสวัสดิการตำรวจ การใช้อำนาจและอุปกรณ์ของตำรวจทั้งหมด

นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอกฎหมายเศรษฐกิจของประเทศ โดยใช้หลักการปฏิรูปในรูปแบบประชารัฐ ซึ่งจะมีภาคเอกชนเข้ามาให้ความคิดเห็น ซึ่งภาคเอกชนเหล่านี้ไม่ใช่นักกฎหมาย แต่เป็นผู้ที่รู้ปัญหา ก่อนที่ทางภาครัฐจะกลั่นกรองถึงความต้องการต่างๆ เพื่อออกกฎหมายที่มีความจำเป็น พร้อมกันนั้น จะมีการปฏิรูปการเรียกเอกสารจากประชาชนให้ลดลง คาดว่าภายในระยะเวลา 1 ปี 6 เดือน จะสามารถดำเนินการได้ครบทุกหน่วยงานราชการ

และจะมีการจัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบ จะมีการนำระบบไกล่เกลี่ยชะลอฟ้องมาใช้ รวมถึงจะมีการพิจารณาคดีให้มีความรวดเร็วเพื่อลดค่าใช้จ่าย

นายวิษณุ กล่าวอีกว่า ในปี 59-60 รัฐบาลจะทำกฎหมายเชิงนโยบายและส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) อีกหลายฉบับ นอกจากนี้จะมีกฎหมายที่เป็นกฎหมายชิ้นเอกที่จะนำเข้าสู่สภา ประกอบด้วย 1. กลุ่มกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องดิจิตอล 2. การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจตามความต้องการที่ภาคเอกชนร้องเรียน 3. การพิจารณาคดีทุจริตจะดำเนินการในศาลให้เกิดความรวดเร็ว 4.กฎหมายคนเข้าเมืองฉบับใหม่ 5.กฎหมายเกี่ยวกับการบูรณาการเพื่อจัดการงบประมาณ และการทำงานข้ามกระทรวง อีกทั้งกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูปการศึกษตั้งแต่ปฐมวัย อุดมศึกษา อาชีวะ รวมไปถึงการศึกษานอดระบบและการศึกษาด้วยตนเอง

ขณะที่ตามกำหนดการคาดว่าภายในเดือน มี.ค.59 จะจัดทำรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ หลังจากนั้น 3-4 เดือนก็จะมีการจัดทำประชามติ ถ้าหากทำประชามติผ่านก็จะเร่งออกกฎหมายลูกอีกกว่า 10 ฉบับที่จะนำเสนอเข้าสู่สภาต่อไปให้แล้วเสร็จในข่วงระยะเวลาที่เหลือในอีก 1 ปีเศษของรัฐบาลชุดนี้

นายวิษณุ กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลทำด้วยความมุ่งมั่นให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน เรียกว่า "ผลงาน" คือ ผลผลิตที่เกิดจากการทำงานของรัฐบาล แต่ละรัฐบาลจำแนกเป็นด้านต่างๆ ไม่ว่าเป็นด้านใดก็ตาม การที่ทำให้ผลงานนั้นทำได้ด้วยความเรียบร้อยและสำเร็จ จำเป็นต้องมีเครื่องมือและตัวช่วย นอกจากงบประมาณ บุคลากร และระบบประชาธิปไตยแล้ว เครื่องมือที่สำคัญที่สุดของรัฐบาลในการสร้างผลงาน คือ กฎหมาย เพราะไม่ว่าจะแก้ปัญหาใดๆ หากไม่มีกฎหมายรองรับ หรือมีกฎหมายแต่ใช้อำนาจเกินกฎหมายหรือข้ามขั้นตอน กฏหมายที่กำหนด รัฐบาลเหล่านั้นล้วนแต่มีจุดจบที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศาลปกครองและศาลรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นจะชอบหรือไม่ชอบก็ต้องใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ เรียกว่านิติรัฐ

"รัฐบาลนี้มีผลงานด้านกฎหมาย กระบวนยุติธรรม เป็นผลงานที่แปลกเทียบกับด้านอื่นๆ ไม่ได้ เพราะผลงานของรัฐบาลใดๆ ด้านกฎหมายไม่ได้เป็นผลงานที่สมบูรณ์ในตัวเอง แต่เป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาด้านต่างๆ เช่นเดียวกับที่ผ่านมาไม่กี่วันมานี้ทั่วโลกปั่นจักรยานกัน เพื่อสู่จุดหมายปลายทางเป็นเป้าหมาย เหมือนการพัฒนาประเทศที่ต้องมีเป้าหมาย และจะไปสู่เป้าหมายอย่างไร ก็ต้องมีเครื่องมือเป็นจักรยาน การพัฒนาประเทศก็ต้องมีเครื่องมือ โดยมีรัฐบาลเป็นผู้ปั่น แต่จะปั่นคนเดียวก็ไม่สนุก จึงต้องร่วมกัน"นายวิษณุ กล่าว

ทั้งนี้ รัฐบาลนี้ได้เร่งออกกฎหมายที่สำคัญเพื่อปรับปรุงในด้านต่าง ๆ ดังนี้ 1.กฎหมายตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่มีอยู่ให้ครบถ้วน ซึ่งขณะนี้ครบแล้ว 2.การที่มีกฎระเบียบ มารยาททางเศรษฐกิจที่ฉุดรั้งระบบเศรษฐกิจไทยไม่ให้เข้มแข็ง เพราะ พ.ร.บ.หลายฉบับที่มีก็ยังล้าหลัง 3.ปัญหาเรื่องการจัดระเบียบระหว่างสิทธิกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ให้น้ำหนักอย่างใดอย่างหนึ่งมากกว่าก็เดือดร้อน จึงต้องทำให้สมดุล 4.ความเหลื่อมล้ำในสังคม ชาย หญิง เจ้าหนี้ ลูกหนี้ คนจน คนรวย หรือการลดช่องว่าง

5.ราชการ 4 ช คือ เชย เชื่องช้า ใช้งบประมาณมาก เปิดช่องให้ทุจริต สิ่งที่รัฐบาลนี้จะทำ คือการแก้ปัญหา 4 ช ให้หมดหรือลดลงให้ได้ 6.ก่อนวันที่ 22 พ.ค.57 พูดว่าโลกเปลี่ยนไป กฎหมายไทยถอยหลัง เช่น เทคโนโลยีอุ้มบุญที่มีมานาน แต่ไม่มีกฎหมายรองรับ จึงต้องก้าวให้ทันให้ได้ 7. ก่อน 22 พ.ค.57 ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถูกกระทบกระเทือน พอเกิดปัญหาไม่มีกฎหมายแก้ไข เช่น เรือน้ำมันล่ม ที่ยังไม่มีกฎหมายรองรับ จึงต้องแก้ไข และ 8.ก่อน 22 พ.ค.57 คดีความที่อยู่ในศาลและการวิธีพิจารณาคดีล่าช้า ไม่ทันสมัย เป็นลักษณะกระบวนการยุติธรรมไทย ทั้งตำรวจ อัยการ ศาล ถูกกล่าวหาทั้งหมด

"รัฐบาลนี้เข้ามาได้เปรียบ คือบ้านเมืองสงบ เหลือสภาเดียว ไม่มีฝ่ายค้าน สิ่งที่ออกเป็น พ.ร.บ.ได้ก็ทำ เรื่องเร่งด่วนก็ออกเป็น พ.ร.ก.หรือใช้ ม.44 ในส่วนที่ไม่มีกฎหมายบังคับ รัฐบาลก็ใช้ให้เกิดประโยชน์เพื่อสู่เป้าหมาย แต่ก็มีเสียเปรียบ คือทำดีอย่างไร เท่าไร เพียงไร ก็มีการเย้ยหยันว่าไม่ได้จากเลือกตั้ง เป็นจุดอ่อน ซึ่งรับสภาพ และใช้จุดอ่อนเป็นประโยชน์ ใช้วิกฤตเป็นโอกาส ทำในเวลาที่กำหนด ส่งต่อให้คนอื่นที่ไม่มีจุดอ่อนนี้ แต่อย่ามีจุดอ่อนอื่นอีกแล้วกัน"นายวิษณุ กล่าว

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้มีการเสนอกฎหมายไปแล้ว 164 ฉบับ โดยค้างอยู่ในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ 26 ฉบับ ประกาศใช้แล้ว 138 ฉบับ ภายในระยะเวลา 1 ปี แต่คุณภาพอาจจะไม่มีทั้งหมด เพราะแก้ไขปัญหาของหน่วยงาน แต่ก็สามารถช่วยแก้ปัญหาประเทศได้ และรัฐบาลตั้งใจจะผลักดันออกมาให้ได้ โดยเฉพาะกฎหมายที่ออกยากในช่วงรัฐบาลปกติ เพื่อเป็นเครื่องมือให้รัฐบาลหน้าแต่หากไม่พอใจก็สามารถแก้ไขได้

ทั้งนี้สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือ แบบฟอร์มต่างๆ ที่อ่านเข้าใจยาก นายกรัฐมนตรีได้ปรารภหลายครั้งจะต้องกำหนดเอกสารที่สามารถกรอกได้ง่าย คือสิ่งที่ต้องปรับต่อไป ข้าราชการชั้นผู้น้อยได้มีการออกกฎหมายขึ้นเงินเดือนข้าราชการ 6 ประเภท และมีการออกกฎหมายให้เอกชนรับคนพิการเข้าทำงาน รัฐบาลจึงมีการกำหนดให้ส่วนราชการรับคนพิการเข้าทำงาน โดยเลือกงานให้เหมาะกับคนด้วย โดยเริ่มจากปีนี้ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่งานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

นายวิษณุ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐมาก โดยองค์กรที่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบการทุจริตได้มีการรายงานตั้งแต่รัฐบาลเข้ามา มีคดีที่ไม่คืบหน้าเพราะไม่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่สามารถตรวจสอบต่อไปได้ นายกรัฐมนตรีจึงสั่งการให้รวบรวมมาเสนอ และมีการคำสั่งให้พักงานหรือระงับการปฏิบัติหน้าที่กว่า 100 ราย โดยสูงสุดดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง อบจ. อบต. เทศบาล และล่าสุดวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีการส่งรายชื่อที่นายกรัฐมนตรีประมาณ 50 ราย ซึ่งคาดว่าจะออกคำสั่งภายใน 3-7 วันนี้ ซึ่งถือเป็นบัญชีครั้งที่ 2 มีทั้งรายชื่อข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ระดับผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารท้องถิ่น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติม

นอกจากนี้ มีการดำเนินการคดีต่างๆ โดยมีการตรวจสอบและยึกทรัพย์ทั้งกรณีสหกรณ์คลองจั่น 11,000 ล้านบาท แชร์ยูฟัน มีการยึดทรัพย์ 500 ล้านบาท ทุจริต 200 ล้านบาท และอีกหลายๆ คดี ทั้งนี้ทรัพย์สินเหล่านี้นำมาจ่ายคืนแก่ประชาชนทั้งหมด โดยไม่ต้องรอให้ประชาชนฟ้องคดี ซึ่งจะมีการจ่ายคืนให้ประชาชนที่เสียหายต่อไป

"รัฐบาลยังมีปัญหาคดีสำคัญ คิดว่าจะทำงานได้สบาย แต่ต้องกลับไปเหลียวหลัง มีคดีที่รัฐบาลเป็นโจทย์หรือเป็นจำเลย มีการเรียกความเสียหายหลายหมื่น หลายแสนล้านบาท ดังนั้นถ้าไม่ดูแลคดีเหล่านี้ก็จะทำให้เกิดความเสียหายได้ รวม 12 คดี เป็นโจทย์ 6 คดี และเป็นผู้ถูกฟ้องอีก 6 คดี" รองนายกรัฐมนตรี กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ