"งานด้านความมั่นคงจะมีเพียงทหารและตำรวจถือปืนไล่ยิงเท่านั้น หากประชาชนยังไม่มีที่ดินทำกินและความเหลื่อมล้ำ ถือว่าความมั่นคงยังไม่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นงานความมั่นคงต้องประสานกันหลายมิติ" พล.อ.ประวิตร กล่าว
พล.อ.ประวิตร ยังขอร้องให้ประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาช่วยเหลืองานด้านความมั่งคง ไม่ใช่เพียงทหาร ตำรวจ ข้าราชการฝ่ายปกครอง และการบังคับใช้กฏหมายเท่านั้น ดังนั้นต้องสร้างความมั่นคงให้เกิดขึ้นในประเทศจึงจะเกิดความมั่นคงอย่างยั่งยืนต่อไป
ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กล่าวว่า ปัญหาก่อนที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) จะเข้ามาบริหารประเทศมีหลายสาเหตุ อาทิ การแตกแยกในสังคม ความเหลื่อมล้ำ ผู้มีอิทธิพล การค้ามนุษย์ การประมงผิดกฏหมาย การหลบหนีเข้าเมือง และปัญหายาเสพติด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประชาชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถหลีกหนีได้เพราะต้องบังคับใช้กฏหมายและเป็นผู้ใกล้ชิดกับประชาชน
ผบ.ตร.กล่าวว่า ในการรักษาความสงบได้ดำเนินการในคดีสำคัญจำนวน 5 คดี 1.คดีฉ้อโกงประชาชนของบริษัทยูฟันสโตร์ 2.ค้าการค้ามนุษย์โรฮิงยาที่มีการโยกย้ายถิ่นฐานโดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน 3.คดีที่ระเบิดแยกราชประสงค์-ท่าเรือสาทร 4.คดีเหตุห้างสรรพสินค้าระเบิดที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และ 5.คดีฆ่านักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า
สำหรับด้านความปลอดถัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้บูรณาการร่วมกับกรุงเทพมหานครและเอกชนในการติดตั้งกล้องวงจรปิด CCTV ทั่วกรุงเทพฯกว่า 20,000 ตัว และคาดว่าควรมีการติดต้องกล้องกล้องวงจรปิด CCTV มากขึ้นถึง 100,000 ตัว พร้อมกันนี้จะเร่งรัดการปฏิรูปตำรวจในด้านเพิ่มกำลังพล เน้นการเบิกจ่ายงบประมาณ จัดหายุทโธปกรณ์และอาวุธประจำการ รวมถึงการจัดหาที่พักให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ขณะที่ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รมว.แรงงาน กล่าวว่า สภาพปัญหาด้านแรงงานของประเทศไทยที่ผ่านมาก่อนหน้านี้มีเป็นจำนวนมาก ซึ่งหลังจาก คสช.และรัฐบาลชุดปัจจุบันเข้ามาบริหารประเทศได้มีความมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาด้านแรงงานอย่างชัดเจน ซึ่งกระทรวงแรงงานได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ หลังจากพบว่ามีแรงงานลักลอบเข้ามาทำงานเป็นจำนวนมาก และสุ่มเสี่ยงต่อปัญหาการค้ามนุษย์ และมีผลกระทบต่อความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคมจิตวิทยา
รมว.แรงงาน กล่าวว่า คสช.ได้แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าว และคณะอนุกรรมการประสานงานการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวให้เป็นกลไกดำเนินการพิจารณา ปรับปรุงและพัฒนาหลักเกณฑ์ในการบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวให้เหมาะสม พร้อมเปิดให้จดทะเบียนแรงงาน 3 สัญชาติเพื่อเข้ามาสู่ระบบการจ้างงานที่ถูกต้องรวม 1.6 ล้านคน รวมถึงปรับปรุงกฏกระทรวงคุ้มครองแรงงานในงานประมงทะเล
ขณะเดียวกันได้มีการจัดตั้งศูนย์ One Stop Service สนับสนุนการการดำเนินการในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเพื่อบริหารจัดการแรงงานให้ทำงานในลักษณะไป-กลับ หรือตามฤดูกาล
ในส่วนของการแก้ไขปัญหาความเหลือมล้ำ และสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันนั้น พล.อ.ศิริชัย กล่าวว่า ได้ดำเนินการแก้ไขโดยออก พ.ร.บ.ประกันสังคม ฉบับใหม่ เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ผู้ประกันตน รวมถึงการปฏิรูปสำนักงานประกันสังคมให้ทำงานอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้และจะเร่งรัดการปฏิรูปกองทุนเงินทดแทน
นอกจากนี้ ยังได้เร่งขับเคลื่อนให้ประชาชนเข้าถึงบริการ ลดขั้นตอนความยุ่งยาก ความไม่สะดวก ป้องกันปัญหาที่นำไปสู่การหลอกลวงและเป็นช่องทางทุจริตโดยจัดตั้งศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทย โดยจะขยายให้ครอบคลุมทั่วประเทศได้ดำเนินแก้ปัญหาแรงงานขาดให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน