โดยในเรื่องของการจัดพิมพ์บัตรออกเสียงร่างรัฐธรรมนูญนั้น กกต.ให้นโยบายกับสำนักงานฯ ว่าให้ใช้วิธีการประกวดราคาตามปกติ ส่วนการจัดส่งก็จะบริษัทไปรษณีย์ไทยเป็นผู้ดำเนินการจัดส่งไปยังครัวเรือนของผู้มีสิทธิออกเสียง ซึ่งกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ระบุว่ามีทั้งหมด 19 ล้านครัวเรือน ส่วนการแสดงความคิดเห็นเบื้องต้นนั้น จะมีการออกระเบียบฯ โดยกำหนดให้มีการลงทะเบียนในแต่ละจังหวัดของผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกลุ่มละ 15 คน จากนั้นให้คัดเลือกตัวแทนเข้ามาบันทึกเทปที่ส่วนกลาง เพื่อให้ กกต.นำเผยแพร่ทางโทรทัศน์ วิทยุ ตลอดจนสื่อต่างๆ ให้ประชาชนได้รับทราบ สำหรับเรื่องรูปแบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการออกเสียงประชามตินั้น จะคล้ายกับการเลือกตั้ง ส.ว.ที่ใช้จังหวัดเป็นเขตออกเสียงประชามติ
นายธนิศร์ กล่าวว่า กกต.ยังมีกังวลในประเด็นเรื่องความผิดในการออกเสียงประชามติ เนื่องจากรัฐธรรมนูญชั่วคราวไม่ได้กำหนดบทลงโทษกับผู้ที่อาจกระทำผิดในการออกเสียงประชามติ ไม่ว่าจะเป็นการฉีกบัตร, ขัดขวางการออกเสียงประชามติ, การเปิดเผยผลสำรวจความเห็นประชาชนก่อนวันออกเสียง และการซื้อเสียง ดังนั้น กกต.จะส่งข้อสังเกตเหล่านี้ไปยังสนช.ว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งอาจดำเนินการเช่นเดียวกับเมื่อครั้งการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ปี 50 ที่รัฐบาลมีการออก พ.ร.บ.รักษาความเรียบร้อยในการออกเสียงประชามติได้
ผู้ทรงคุณวุฒิ กกต.กล่าวด้วยว่า ได้มีการกำหนดแผนการปฏิบัติงานซึ่งเป็นเส้นทางสู่ประชามติ (Road to Referendum) หรือ R2R ระยะเวลาตั้งแต่ มี.ค.-ก.ค.59 โดยเริ่มจากโรดแมปของกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ที่จะเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกในวันที่ 29 ม.ค.59 จากนั้นจะเป็นขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เพื่อนำไปปรับปรุงร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งคาดว่าร่างรัฐธรรมนูญจะเสร็จสมบูรณ์วันที่ 29 มี.ค.59 ก่อนจะส่งให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาในวันที่ 30 มี.ค.59 อย่างไรก็ดี ในรัฐธรรมนูญชั่วคราวกำหนดให้ ครม.ต้องส่งร่างรัฐธรรมนูญมาให้ กกต.จัดการออกเสียงประชามติโดยเร็ว ซึ่งคาดว่าครม.จะส่งมาให้ กกต.ภายในสัปดาห์ที่ 1-2 ของเดือนเม.ย.59
จากนั้น กกต.จะเริ่มพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญ และเอกสารสรุปสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญตามที่ กรธ.สรุปส่งมาให้ได้ โดยการจัดพิมพ์จะทำควบคู่กับการจัดส่งร่างรัฐธรรมนูญไปยังครัวเรือนของผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มจัดส่งได้ตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย.เป็นต้นไป และน่าจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 20 มิ.ย.59 รวมระยะเวลาการพิมพ์และจัดส่ง 45 วัน จากนั้นในวันที่ 22 มิ.ย.59 กกต.จะสามารถประกาศวันที่จะออกเสียงประชามติได้ ซึ่งเบื้องต้นกำหนดไว้ว่าเป็นวันที่ 31 ก.ค.59