ทั้งนี้ ในการดำเนินมาตรการได้มอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นผู้กำกับดูแล โดยจะมีทหารและองค์การคลังสินค้า(อคส.) ไปดำเนินการรับซื้อยาง และร่วมรับฟังความคิดเห็นจากเกษตรกร โดยเฉพาะการกำหนดราคารับซื้อที่จะต้องมีความเหมาะสมให้เกษตรกรสามารถอยู่ได้ แต่ย้ำว่าไม่ใช่การชดเชยราคา หรือการมุ่งเข้าไปกำหนดให้ราคานำตลาด เพราะจะทำให้เกิดปัญหาที่มียางพาราล้นสต็อกได้
อย่างไรก็ดี รัฐบาลจะไม่นำยางที่รับซื้อไปขายแข่งกับตลาดภายนอก แต่จะนำเข้าสู่กระบวนการผลิตทั้งหมดที่รัฐได้ดำเนินการวิจัยไว้แล้ว และยังเป็นประโยชน์ในเรื่องการส่งเสริมธุรกิจเอสเอ็มอีรายใหม่ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการใช้ยางภายในประเทศที่ต้องเริ่มจากส่วนราชการว่ามีความต้องการใช้ในด้านใด แต่ไม่ใช่การบังคับหรือไล่ล่าให้นำงบประมาณมาณจัดซื้อเพราะทุกอย่างใช้ตามความจำเป็น พร้อมให้กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเร่งรับรองมาตรฐานให้กับผู้ผลิต เพื่อให้ส่วนราชการจัดซื้อผลิตภัณฑ์ตามที่ต้องการได้ แต่ต้องมีการปรับระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อให้ความคล่องตัว
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าจะไม่ปรับเปลี่ยน รมว.เกษตรและหกรณ์ ตามที่นายถาวร เสนเนียม อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้อง เพราะปัญหาไม่ได้เกิดจากตัวของ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรฯ และที่ผ่านมารัฐมนตรีได้ทำงานตามนโยบายที่มอบหมาย ซึ่งเริ่มทำไปหลายเรื่องแล้ว แต่ปัญหาเกิดจากมีบางคนไปให้ข้อมูลที่บิดเบือนแก่เกษตรกร
พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำว่า ในการทำงานของตนจะใช้แนวคิดทั้งนักการทหาร และนักการเมือง เพียงแต่เลือกใช้แนวคิดทางการทหารมากกว่า ที่ต้องใช้ทั้งสติ ปัญญา ความอดทน อดกลั้น มีหลักเกณฑ์ ซึ่งที่ผ่านมาก็ทำได้สำเร็จในหลายเรื่อง
ส่วนการตั้งคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทยที่ยังได้กรรมการไม่ครบนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เกิดจากความขัดแย้งในภาคเกษตกร จึงต้องการให้แต่ละสมาคมการเกษตรมีเพียงสมาคมเดียว เช่น สมาคมข้าว สมาคมชาวสวนยาง ทั้งนี้เพื่อประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาให้กับเกษตรกร