“ที่ผ่านมาเมื่อความพยายามที่จะใช้กลไกข้อบังคับของพรรคในการตรวจสอบประเด็นความไม่โปร่งใสและไม่สามารถทำได้ จึงจำเป็นต้องบอกความจริงกับประชาชนเพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสน และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขอโทษกันไปกันมา อยากจะขอโทษชาวกทม.อีกครั้ง พรรคจะทำหน้าที่ในฐานะพรรคการเมืองในการติดตามการทำงานของรัฐบาล และ กทม.ต่อไป พร้อมหาแนวทางปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน ส่วนผู้บริการของกทม.หรือสมาชิกพรรค จะตัดสินใจอย่างไรถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล ไม่ขอก้าวล่วง "หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ ยอมรับว่าถูกกดดันมากจากการที่พรรคไม่สามารถตอบฝ่ายที่มาร้องเรียน และไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุแบบนี้ ตนพูดกับสมาชิกอยู่เสมอ เรื่องนี้ไม่ว่าจะเดินอย่างไรก็ต้องเจ็บ และคิดเสมอว่าต้องใหัความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะประชาชนที่ต้องทราบความจริง เมื่อพรรคไม่สามารถทำตามจุดยืนของพรรคได้ ส่วน กทม. ก็ต้องทำหน้าที่ให้การบริหารงานดีขึ้น หากสิ่งนี้จะช่วยกระตุ้นให้การทำงานดีขึ้น ก็ถือเป็นประโยชน์ของกทม.เอง
ส่วนกรณีผู้บริหาร กทม.ระบุต้องการให้รัฐบาลใช้มาตรา 44 ให้ผู้ว่า กทม. พ้นจากตำแหน่ง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ประเด็นดังกล่าวไม่กี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะพรรคไม่ได้เกี่ยวข้องกับมาตรา44 แต่พรรคมีความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ และอยากให้กทม.ทำงานให้ดีที่สุด สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน แต่ไม่ได้หารือกับสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร(ส.ก.) และ สมาชิ กสภาเขต(ส.ข.) ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเรื่องนี้.