โดยในปี 58 รัฐบาลได้นำร่องจัดสรรที่ดินให้ประชาชนยากไร้เข้าทำประโยชน์ครอบคลุมพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเสื่อมโทรม หรือพื้นที่ที่เคยถูกบุกรุกโดยนายทุน พื้นที่ปฏิรูปที่ดินใน 18 จังหวัด เนื้อที่รวม 129,754 ไร่ ประชาชนได้ประโยชน์ 12,215 ราย
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การลงพื้นที่ จ.อุทัยธานี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อสัปดาห์ก่อน ได้มอบหนังสืออนุญาตให้ประชาชน ต.ระบำ อ.ลานสัก เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินจำนวน 8 ชุมชน 331 ครัวเรือน รวมเนื้อที่ 3,239 ไร่
ทั้งนี้รัฐบาลมีนโยบายตั้งแต่เริ่มเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินว่าจะแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของผู้ยากไร้และการบุกรุกที่ดินของรัฐ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ จึงได้จัดตั้งคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) บูรณาการงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์ที่ดิน เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้ยากไร้ให้มีที่อยู่อาศัย มีที่ดินทำกินเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ในลักษณะไม่ให้กรรมสิทธิ์และให้บริหารจัดการใช้ที่ดินโดยรูปแบบการรวมกลุ่ม เช่น สหกรณ์ เพื่อป้องกันการขายต่อ โดยตั้งเป้าหมายไว้ 399,624 ไร่ ประชาชนจะได้รับประโยชน์ทั้งสิ้น 43,035 ราย"
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทย เร่งรัดดำเนินการให้ประชาชนมีที่ดินทำกินจริง โดยมอบหนังสืออนุญาตให้ประชาชนเข้าทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐตามที่ได้จัดสรรไว้โดยเร็ว เหมือนที่เคยมอบหนังสืออนุญาตฯ ให้แก่ประชาชน อ.แม่ออน และ อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าสงวน รวมเนื้อที่ 15,208 ไร่ มีผู้ได้รับประโยชน์ 2,612 ราย รวมถึงล่าสุดที่ จ.อุทัยธานี ที่เป็นพื้นที่ ส.ป.ก. โดยหากมีโอกาสท่านนายกฯ จะลงพื้นที่ไปพบกับพี่น้องประชาชนด้วยตัวเองอย่างต่อเนื่อง
"รัฐบาลจะดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของผู้ยากไร้ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ทั่วประเทศ และวางแนวทางการปฏิรูปที่ดินระยะยาวส่งต่อให้กับรัฐบาลชุดต่อไป เพื่อสร้างหลักประกันให้ประชาชนผู้ยากไร้ได้มีที่อยู่อาศัย และมีที่ดินทำกินเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้" พล.ต.สรรเสริญ กล่าว