ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ขอให้คนไทยกลับมารักกัน อย่าให้ใครมายุแยงให้เกิดความแตกแยกอีก โดยเฉพาะคนที่อยู่ต่างประเทศ ขออย่าไปฟังมากนัก และอย่าไปขยายความเพราะมีการพูดเฉพาะเรื่องที่เล่นงานรัฐบาล ดังนั้นสื่อต้องเลือกจะนำเสนอให้ถูกต้องด้วย
"วันนี้ต้องระวังเครือข่ายทางการเมืองขยับอีกแล้ว ผมได้ข้อมูลพอสมควร...เครือข่ายทางการเมืองขยับเป็นระยะ ก็มีทุกที่ทุกจังหวัดขยับอยู่ใต้ดิน ขยับเพื่อไม่ได้ประเทศเดินไปได้ อาจจะมีทั้งเรื่องประชาธิปไตย ประชามติ ผมถามว่าคนทั้งประเทศยอมหรือไม่ ถ้ายอมก็รับชะตากรรมกันไป ผมไม่ได้มุ่งร้ายใครแต่ผมมีข้อมูลของผม"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ส่วนการที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาเปิดเผยถึงกองกำลังส่วนที่ 3 นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องไปดูว่า กองกำลังนี้สามารถติดคุกได้หรือไม่ รวมถึงการออกมาพูดในลักษณะนี้ด้วย
สำหรับการยกระดับมาตรการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้หลังจากเกิดเหตุการณ์ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า มีมาตรการดำเนินการอยู่แล้ว เพราะปัญหามีมานานกว่า 20 ปี แต่อยากให้ประชาชนเพิ่มการแจ้งข้อมูลข่าวสารหรือเบาะแสให้กับภาครัฐให้มากขึ้น ซึ่งหากมีข้อมูลสามารถแจ้งมาได้ตลอดเวลา หรือจะส่งจดหมายโดยตรงมายังตนเองก็ได้ซึ่งหากข้อมูลเป็นประโยชน์นำไปสู่การจับกุมผู้ก่อความไม่สงบได้ จะมีรางวัลพิเศษมอบให้ด้วย
ทั้งนี้ แนวทางการแก้ไขปัญหาต้องการทำลายเครือข่ายกระบวนการก่อความไม่สงบด้วยกฎหมายไม่ใช่การกำลังนอกกฎหมาย พร้อมทั้งยืนยันว่ารัฐบาลมองทุกคนเป็นคนไทยทั้งหมดที่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายและผู้ก่อเหตุไม่ถือว่าเป็นผู้ก่อการร้าย แต่เป็นผู้ก่อความรุนแรงและก่ออาชญากรรม ทำให้เกิดความเดือดร้อน ทั้งคนไทยพุทธและมุสลิม ซึ่งจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้จึงขอให้ช่วงเวลา 6 เดือนต่อจากนี้ ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาความรุนแรงเกิดขึ้นอีก