นายกรัฐมนตรีขอให้ประชาชนเชื่อมั่นการทำงานของรัฐบาลในการเดินหน้าแก้ไขปัญหาของประเทศชาติ อย่าเชื่อข้อมูลที่บิดเบือน พร้อมขอหน่วยงานราชการให้ข้อมูลข่าวสารประชาชนเพื่อสร้างความเชื่อใจระหว่างกัน ย้ำปราบทุจริตคอร์รัปชั่นให้หมดไปในปี 2560
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าจะอยู่ตามโรดแมพ ไม่ต้องการคะแนนเสียง เห็นได้จากการตั้งสภาขับเคลื่อนการปฎิรูปประเทศ (สปท.) ซึ่งให้ทุกกลุ่มทุกสีเข้ามาร่วมหาแนวทางปฏิรูปประเทศ ยังถูกกล่าวหาว่าตนจะสืบทอดอำนาจ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นขอให้ประชาชนเชื่อมั่นรัฐบาลและตน อย่าเชื่อหรือถูกบิดเบือนให้ถูกล้างสมองเหมือนในอดีต
การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารถือเป็นสิ่งสำคัญเพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างภาครัฐ ข้าราชการ และประชาชน เพราะหากปกปิดจะเป็นอุปสรรคในการทำงานของประเทศ ซึ่งตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 นอกจากจะเน้นการบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังต้องทำให้เกิดประสิทธิผลด้วย โดยยึดหลักธรรมาภิบาลทั้ง 6 ประการ ประกอบด้วย หลักนิติธรรม, หลักคุณธรรม, หลักความโปร่งใส, หลักการมีส่วนร่วม, หลักความรับผิดชอบ และหลักความคุ้มค่า ซึ่งทุกวันนี้หลักการและนโยบายดีอยู่แล้ว แต่ยังขาดการปฏิบัติให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรียังขอร้องสื่อมวลชนอย่าให้พื้นที่คนไม่ดี สร้างความขัดแย้ง สับสน มาบิดเบือนข้อมูล และขอนักศึกษาเลิกปลุกระดม เพราะสถานการณ์โลกวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว และอีกไม่นานก็จะได้ประชาธิปไตยใหม่ โดยสื่อทุกคนต้องช่วยกันและนำเสนอสิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการแก้ไขปัญหา ไม่เพียงนำเสนอแต่ปัญหาเพียงด้านเดียว และสื่อของรัฐต้องใช้งบประมาณของรัฐอย่างคุ้มค่า
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในปี 2560 ทุกหน่วยงานต้องดำเนินการในเรื่องของศูนย์ข้อมูลข่าวสารให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้เกิดความเชื่อใจจากประชาชน ยืนยันว่าไม่ได้มุ่งหวังรังแกใคร หวังให้ประเทศชาติสงบสุข เชื่อว่าถ้าทำด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ประเทศชาติจะไปได้
"เราไม่สามารถกำหนดความเจริญของประเทศได้ด้วยคำว่าจีดีพี หรือรายได้ของประเทศเพียงอย่างเดียวไม่ได้แล้ว ต้องกำหนดด้วยความพึงพอใจ ประชาชนมีความสุข นั่นแหละคือเราต้องเดินหน้าประเทศแบบนั้น แต่เป็นเรื่องยาก เป็นความท้าทาย เพราะประเทศเป๋ไปเป๋มานานแล้ว เพราะฉะนั้นอยู่ที่เรา ข้าราชการ เป็นหน้าที่ที่ต้องทำให้เกิดความชัดเจน ไม่ให้เกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาอีก จะได้ทำงานได้ ไม่ทับซ้อน ประชาชนเข้าใจ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงเรื่องรัฐธรรมนูญว่า ที่ผ่านมาการเขียนรัฐธรรมนูญก็ทะเลาะกันอยู่ตลอด และเคยทำตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ เขียนรัฐธรรมนูญ เข้าใจกัน ทำประชามติ เลือกตั้งเสร็จก็กลับมาตีความรัฐธรรมนูญกันอีก จะตีความอะไรกันมากมาย เพราะนั่นคือภาษากฎหมาย ตีความได้คน ถ้าคนดีตีความก็โอเค ถ้าคนไม่ดีตีความก็เข้าข้างไม่ดี
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประชาชนไม่เข้าใจโครงสร้างของหน่วยงาน บางหน่วยงานมีโครงสร้างใหญ่เกินไป ก็ต้องค่อยๆมีการปรับ ขณะที่การใช้งบประมาณในปี 2559 ก็ต้องให้ตรงไปตามแผนงานและวัตถุประสงค์ของหน่วยงาน เพื่อใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าและต่อเนื่อง ถ้าโครงการขนาดใหญ่ทำไม่ได้ ก็ให้ทำโครงการขนาดเล็กแทน
"วันนี้ข้อมูลมากมายหลายอย่างเดินหน้าไม่ได้ โครงการต่างๆไปไม่ได้ แต่ทุกคนต้องการให้ประเทศดีขึ้น เศรษฐกิจดีขึ้น แล้วรู้หรือไม่เศรษฐกิจโยงกับอะไร รายได้ประเทศมาจากไหน บางครั้งข้าราชการก็สนใจแต่งานของตัวเอง รู้แค่นั้น แต่เกี่ยวโยงกับกระทรวงอื่นอย่างไรไม่รู้เลย พอไม่รู้ ทุกคนก็เอาแต่ปัญหาออกมา ทั้งที่เป็นปัญหาเดียวกัน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลตั้งใจจะปราบคอร์รัปชั่นให้หมดภายในปี 2560 โดยแต่ละหน่วยงานต้องมีระบบตรวจสอบที่ดี หากทุจริตจะต้องมีหลักฐาน ถึงจะดำเนินการเอาผิดทางกฏหมายได้ ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับใครทั้งสิ้น และขอไม่ให้ทุกคนหลงเชื่อโซเซียลมีเดีย เพราะเป็นข้อมูลที่ต่างคนต่างคิด และต่างแสดงความคิดเห็น เช่น คำสั่งมาตรา 44 ที่มีการตีความว่าจะยกเลิกรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งไม่เป็นความจริง เพียงแต่ต้องการทำให้ระยะเวลาสั้นลงและต้องการให้ศึกษาควบคู่ไปพร้อมๆ กัน ไม่เช่นนั้นการแก้ปัญหาก็ไม่เกิดขึ้น เช่น ปัญหาภัยแล้ง ที่สร้างเขื่อนไม่ได้เพราะมีปัญหาคัดค้านมาตลอด จึงทำให้น้ำไม่เพียงพอ ซึ่งวันนี้ทุกฝ่ายต้องช่วยกันคิด หลายคนมองว่าใช้กฏหมายแรงไม่ได้ แต่อ่อนไปก็ถูกวิจารณ์ว่าเสียของ ดังนั้น ทุกคนต้องเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพราะทุกกระทรวงเป็นข้าราชการของรัฐมีหน้าที่ในการดูแลประชาชนทั้งประเทศ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในปี 2558 ประเทศไทยถูกจัดอันดับตัวชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นอยู่ที่อันดับ 76 จากทั้งหมด 168 ประเทศทั่วโลกก็ถือว่าน่าภูมิใจ และต้องนำข้อบกพร่องที่ถูกประเมินมาปรับปรุงแก้ไข ยึดหลักสากลและหลักของไทยเข้าไปผสมกัน และหวังว่าในปีหน้าไทยจะถูกจัดอันดับให้ดีขึ้น ในวันนี้ นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีเปิดงาน“การเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร กับการสร้างความโปร่งใสในการบริหารงานภาครัฐ” พร้อมมอบโล่ประกาศเกียรติคุณข้อมูลข่าวสารของข้าราชการต้นแบบโดดเด่นประจำปี 2558 2 ราย คือ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและจังหวัดหนองคาย และรางวัลหน่วยงานต้นแบบในการจัดตั้งข้อมูลข่าวสารราชการ จำนวน 127 ราย