นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เชื่อว่าความเห็นส่วนใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์จะไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หากมีการพ่วงคำถามในการลงประชามติว่าเห็นด้วยหรือไม่ที่จะให้ช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน 5 ปีนั้นที่ประชุมร่วมรัฐสภาที่ประกอบด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาจะเป็นผู้พิจารณาเห็นชอบบุคคลสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากหากต้องปรับแก้รัฐธรรมนูญในประเด็นดังกล่าวเชื่อว่ามีโอกาสทำให้เกิดรัฐบาลเสียงข้างน้อย และจะเกิดปัญหาตามมาอีกมากในการผ่านร่างกฎหมายที่สำคัญต่างๆ เช่น กฎหมายงบประมาณ หรือกฎหมายทางการเงิน
"ถ้ามีคำถามพ่วงว่า ให้ ส.ว.เลือกนายกรัฐมนตรีได้ด้วยนั้น เรา (ปชป.) จะไม่รับ...ถ้ารัฐธรรมนูญเป็นเช่นนี้จะสร้างปัญหามาก การรับแบบนี้เหมือนเราตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย การเอาเสียง ส.ว.มาบวกให้เป็นเสียงข้างมากเวลาเลือกนายกฯ ผมถามว่าในเวลาที่รัฐบาลออกกฎหมายการเงิน หรือออกกฎหมายสำคัญ รัฐบาลจะเอาเสียงจากไหนมาสนับสนุน" รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวผ่านรายการโทรทัศน์เช้านี้
ทั้งนี้ ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หากเปิดให้ ส.ว.สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้นั้น จะถือว่าเป็นการให้อำนาจแก่ ส.ว.อย่างมาก และจะทำให้รัฐบาลหลังจากนี้ปฏิบัติตามนโยบายที่วางไว้ได้ลำบาก หรือทำได้แค่เพียงการออกนโยบาย แต่พอถึงขั้นตอนการผ่านกฎหมายก็จะไม่ได้รับการสนับสนุน เพราะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย
"ไม่ใช่รัฐบาลอยู่ยาก แต่อยู่ไม่ได้เลย และปฏิบัติตามนโยบายไม่ได้ คือคิดนโยบายได้ แต่พอออกมาเป็นกฎหมายก็จะไม่ผ่าน เพราะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย"นายนิพิฎฐ์ กล่าว
พร้อมระบุว่า ในเร็วๆ นี้พรรคประชาธิปัตย์คงจะออกมาแสดงจุดยืนหรือแสดงท่าทีที่ชัดเจนของพรรคต่อเรื่องดังกล่าว แต่ทั้งนี้คงไม่ใช่การออกมารณรงค์ให้ประชาชนลงมติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้
"หัวหน้าอภิสิทธิ์ ก็ฟังเรื่องนี้และติดตามอยู่ ระดับแกนนำพรรคคุยกันอยู่เรื่อยๆ อย่างไม่เป็นทางการ แต่ไม่แน่ใจว่าจะออกมาเป็นแถลงการณ์ของพรรคหรือไม่ แต่ท่าทีจะต้องมี อาจจะเป็นกรณีที่หัวหน้าอภิสิทธิ์ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าถ้าเป็นแบบนี้ พรรคจะตัดสินใจอย่างไร...คงไม่ถึงขั้นรณรงค์ให้รับหรือไม่รับ แต่พรรคประชาธิปัตย์เองควรจะต้องมีท่าทีออกมาก่อนว่ารับหรือไม่รับ คงไม่ถึงไปเดินบอกประชาชนให้รับ หรือไม่รับ ไม่ขนาดนั้น" นายนิพิฎฐ์ กล่าว
นายนิพิฎฐ์ มองว่า หากพรรคประชาธิปัตย์นิ่งเฉย ไม่ออกมาแสดงจุดยืนหรือมีท่าทีใดๆ ก็เท่ากับว่าเป็นการคิดผิดเป็นครั้งแรกของตนเองในรอบ 30 ปีที่จะมีความเห็นไม่ตรงกันกับเสียงส่วนใหญ่ของพรรค พร้อมย้ำว่าเรื่องรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นพรรคควรต้องออกมาแสดงจุดยืน