รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า มีการเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จากที่มีการประชุมทุกวันอังคารมาเป็นวันนี้เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีภารกิจที่ต้องเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน - สหพันธรัฐรัสเซีย สมัยพิเศษ (ASEAN – Russia Commemorative Summit) ที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย ระหว่างวันที่ 19–21 พ.ค.
นอกจากนี้ ถือเป็นการเดินทางเยือนครั้งแรกของนายกฯไทยในรอบ 11 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ในปี 2560 จะครบรอบ 120 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-รัสเซีย
สำหรับมีวาระการประชุมครม.ที่น่าสนใจ ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอมติที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรให้ใช้งบกลางรายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาของเกษตรกร 3,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการแก้ปัญหาหนี้เร่งด่วนของเกษตรกรสมาชิก 19,494 ราย
นอกจากนี้ จะเสนอพิจารณาการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร จำนวน 478 ราย ตามโครงการปรับโครงสร้างและระบบผลิตการเกษตร (คปร.) และโครงการแผนฟื้นฟูการเกษตร
กระทรวงยุติธรรม รายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ตามกลไก Universal Periodic Review (UPR) รอบที่ 2 ที่นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส
อีกทั้งการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การป้องกันและต่อต้านการซ้อมทรมาน, ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันบุคคลสูญหาย
การเสนอพิจารณาขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการศึกษาแนวทางบริหารจัดการ เพื่อใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำระหว่างประเทศ 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการศึกษาทบทวนการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล โครงการศึกษาความเหมาะสมและผลกระทบสิ่งแวดล้อม การพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุนเพื่อรองรับพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษตาก และโครงการศึกษาความเหมาะสมการบรรเทาอุทกภัยและภัยแล้ง พื้นที่เกษตรและพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษสระแก้ว
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เสนอพิจารณาการจัดตั้งและดำเนินการเมืองนวัตกรรมอาหาร (Food Innopolis)
นอกจากนี้จะมีการเสนอ รายงานการพิจารณาศึกษาข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่องแนวทางปฏิรูป การกระจายอำนาจและการปกครองท้องถิ่น)
นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณาร่างพ.ร.ฎ.เพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าดอยสุเทพ บางส่วน ในท้องที่ตำบลสุเทพ ต.แม่เหียะ อ.เมืองเชียงใหม่ และตำบลหนองควาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่
ทั้งนี้ ก่อนการประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานประกอบพิธีบวงสรวงเทวดาและพิธีสงฆ์ ยกเสาเอกอาคารเรือนรับรอง บริเวณพื้นที่ก่อสร้าง ด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยพระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประกอบพิธีบวงสรวงและสมเด็จพระพุทธาจารย์เจ้าอาวาสวัดไตรมิตร ประกอบพิธีสงฆ์ โดยมีคณะรัฐมนตรีเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง และในเวลา 06.39 น. นายกรัฐมนตรีได้ยกเสาเอกลงหลุม ซึ่งเป็นฤกษ์ที่กำหนดไว้
สำหรับการสร้างเรือนรับรองแห่งนี้ เป็นความร่วมมือระหว่างสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กรมยุทธโยธาทหารบกและกรมศิลปากร ในสัญญาจ้างเลขที่ 97/2559 เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2559 วงเงิน 136.98 ล้านบาท เริ่มสัญญาจ้าง 29 มีนาคม 2559 และสิ้นสุดสัญญา 21 กุมภาพันธ์ 2560 ดำเนินการก่อสร้างโดยกิจการร่วมค้าวิทย์การช่าง-ไซเลนเทค ควบคุมงานโดยกรมยุทธโยธาทหารบก ถือเป็นส่วนหนึ่งของการปรับภูมิทัศน์ทำเนียบรัฐบาล เพื่อใช้สำหรับต้อนรับแขกคนสำคัญของรัฐบาล โดยได้รับการอนุมัติแบบก่อสร้าง จากกรมศิลปากร ที่มีรูปแบบเดียวกับตึกไทยคู่ฟ้า คาดการณ์ว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายใน 11 เดือน และขณะนี้ยังไม่มีการตั้งชื่อเรือนรับรองแห่งนี้อย่างเป็นทางการ