นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาการส่งคืนทรัพย์สินของบมจ. ปตท. (PTT) ให้กับรัฐว่า เรื่องนี้ควรจะมีการพูดคุยและทำความเข้าใจกัน ทั้งกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และ ปตท.ควรจะคุยกันให้เกิดความเข้าใจ เพราะเรื่องนี้กระเทือนต่อภาพลักษณ์องค์กร และขณะนี้ทราบว่ากระทรวงการคลังรับทราบทุกอย่างจากสื่อมวลชน แต่ยังไม่ได้รับทราบเป็นลายลักษณ์อักษร รอให้เขารับคำสั่งและคุยกันเสียก่อน
"เรื่องนี้มีความสำคัญ ไม่เช่นนั้น ครม.และนายกฯ อาจจะต้องรับผิด และอาจถูกฟ้องมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นเมื่อกระทรวงการคลังได้รับหนังสือ ถึงเวลาหนึ่งก็นัดเจอกัน ถึงอย่างไรเรื่องนี้ต้องยุติ แต่อาจจะไม่ยุติในทันที และถ้าเห็นไม่ตรงกันก็ต้องไปศาล เมืองไทยผมทำอยู่หลายคดี คดีคาอยู่ประมาณ 40 คดี มูลค่าทรัพย์สินถ้ารัฐแพ้ อย่าเรียกว่าค่าโง่ เรียกว่าค่าฉลาดรู้มาก รู้มากบางทีก็มีปัญหาเหมือนกันเสียหลายแสนล้านเหมือนกัน เกือบเท่างบประมาณแผ่นดิน" นายวิษณุ กล่าว
สำหรับการรื้อฟื้นคดีทุจริตโครงการบ่อบำบัดนำเสียคลองด่านนั้นเป็นการดำเนินการตามมติ ครม.ตามมาตรา 75 พ.ร.บ.ศาลปกครอง ที่เปิดโอกาสไว้ ส่วนคดีที่มีคำสั่งลงโทษนายวัฒนา อัศวเหม อดีต รมช.มหาดไทยนั้นเป็นคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง การที่นายวัฒนาอ้างว่ามีข้อมูลใหม่จะขอรื้อฟื้นคดีก็ไม่เป็นไร ถ้าเป็นข้อมูลใหม่แล้วมาเกี่ยวข้อง และเป็นประโยชน์กับรัฐ รัฐก็ยินดีที่จะรับข้อมูลนั้น แต่จะรื้อฟื้นคดีอย่างไรตนเองยังไม่ทราบและยังคิดไม่ออก