พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสถานการณ์และการดำเนินงานของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา ในการประชุมสัมมนา เรื่อง "การขับเคลื่อนและปฏิรูปประเทศไทยแบบบูรณาการ" ให้หน่วยงานราชการทั่วประเทศ เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันถึงการดำเนินงานและผลการดำเนินงานของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา พร้อมมอบนโยบายการปฎิรูปประเทศและการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ 6 ด้าน ระยะ 20 ปีในเชิงบูรณาการว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่ 2 เป็นช่วงการบริหารราชการแผ่นดินและการเตรียมการปฏิรูปที่แบ่งเป็น 4 ระยะ คือ ช่วง ต.ค.58-มี.ค.59 และช่วงเม.ย.-ก.ย.59 จัดทำแผนปฏิบัติการภายใต้กรอบการบริหารราชการแผ่นดิน ต่อด้วยช่วงต.ค.59-มี.ค.60 จัดทำแผนปฏิบัติการภายใต้การสร้างความสมานฉันท์ให้คนในชาติ ก่อนเข้าสู่ระยะที่ 4 ช่วงเม.ย.-มิ.ย.60 ซึ่งเป็นการส่งต่อให้รัฐบาลชุดใหม่
สำหรับแนวทางการแก้ปัญหาต่างๆ ของรัฐบาลนั้น นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในหลายเรื่อง ทั้งด้านเศรษฐกิจ เช่น การเร่งรัดการแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ การแก้ปัญหามาตรฐานการบินพลเรือน การแก้ปัญหาสินค้าราคาแพงจากสถานการณ์ภัยแล้ง ซึ่งรัฐบาลกำหนดเป็นวาระเร่งด่วน การแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย รวมทั้งชี้แจงการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา ด้านแรงงาน ด้านสาธารณสุข เป็นต้น
ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม กล่าวถึงการขับเคลื่อนและปฏิรูปประเทศไทยด้วยรากฐานความมั่นคงว่า งานด้านความมั่นคงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาอธิปไตยของชาติ การสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชน โดยขับเคลื่อนผ่านทางกลไกจังหวัดตามนโยบายประชารัฐ ทำให้ประชาชนปลอดภัย มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและลดความเหลื่อมล้ำทุกด้าน
ส่วนปัญหาความไม่สงบในจังหวัดภาคใต้ เป็นปัญหามานานนับ 10 ปี ซึ่งขณะนี้พบว่าการก่อเหตุลดลงกว่า 50-60% ถือว่าแก้ปัญหาได้ดีขึ้น ซึ่งรัฐบาลยึดแนวทาง เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา และสร้างความเข้าใจให้ประชาชนในพื้นที่ โดยเจ้าหน้าที่เน้นการทำงานด้านการข่าวที่จะต้องป้องกันก่อนที่จะเกิดเหตุในพื้นที่ และจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาในช่วง 10 ข้างหน้า
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ยังทำหน้าที่ในการดูแลทุกข์สุข แก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชน รวมทั้งการแก้ปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมือง ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังเร่งแก้ไขอยู่ นอกจากการรักษาความมั่นคงภายในประเทศแล้ว ต้องมีการประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน เพื่อป้องกันการก่อการร้ายข้ามชาติ ปัญหาการลักลอบขนยาเสพติด
อีกทั้งงานด้านความมั่นคงยังเข้าไปแก้ไขปัญหาอีกหลายด้าน เช่น การแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า การแก้ปัญหาภัยแล้ง การนำสินค้าเกษตรจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาขายในกรุงเทพมหานคร เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร ยอมรับว่า รัฐบาลแม้ยังไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างเต็มรูปแบบ แต่การที่นายกรัฐมนตรีตัดสินใจเข้ามา เพื่อต้องการเข้ามาเพื่อเร่งแก้ปัญหาความขัดแย้ง และตลอดเวลา 2 ปีที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้พยายามสร้างความเชื่อมั่นจากประชาชน และจากต่างชาติ และสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงให้เกิดขึ้นโดยเร็ว
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ หัวหน้า คสช. กล่าวในการมอบนโยบายหัวข้อ “การบูรณาการเพื่อนำประเทศไทยไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน"ว่า ขณะนี้ถือเป็นการปฎิรูปประเทศเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่มีการปฎิรูปมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เพราะหากไม่มีการปฏิรูปจะถูกกดดันจากสังคมภายนอกและแรงกดดันจากภายในด้วย ขอให้ทุกคนทำหน้าที่อย่างเต็มที่และรัฐบาลพร้อมช่วยเหลือ โดยปัญหาทั้งหมดต้องเร่งดำเนินการเรื่องสำคัญก่อน
พร้อมยืนยันว่า การเข้ามาทำงานครั้งนี้ มาทำเพื่อประเทศชาติ ทำให้ข้าราชการทำงานให้มีผลสัมฤทธิ์มากขึ้น เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ ยืนยันตนเองไม่ได้สู้กับใคร ต้องการให้ประเทศนำไปสู่ความสงบ
"อยากให้ทุกคนมองไปข้างหน้า ดูปัญหาที่ผ่านมา เพื่อนำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ซึ่งการทำงานอย่างบูรณาการ คือการแก้ไข ทำใหม่ ปรับโครงสร้างและวิธีการทำงาน และต้องเดินหน้าประเทศไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต พร้อมทั้งต้องทบทวนยุทธศาสตร์ชาติว่าจะเดินหน้าอย่างไรให้นำไปสู่ผลสัมฤทธิ์ที่ต้องการให้ได้ และสิ่งที่รัฐบาลทำอยู่ทุกวันนี้ เป็นการเดินหน้าประเทศอีก 20 ปี เพื่อวางกรอบให้ประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง และนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ เพื่อให้สอดคล้องกับศตวรรษที่ 21 ในอนาคต และต้องปรับโครงสร้างเศรษฐกิจจากสังคมการเกษตรเพียงอย่างเดียว ไปเป็นสังคมการเกษตรและอุตสาหกรรมที่เพิ่มมูลค่า และต้องสร้างความเชื่อมั่นให้มีที่ยืนบนเวทีโลก ทำเศรษฐกิจให้มีความมั่นคง อีกทั้งต้องเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไม่ใช่ประชาธิปไตยเทียม และทำการเมืองให้มีธรรมาภิบาล" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณข้าราชการทุกคนที่ร่วมกันทำงาน ขอให้ทุกคนมีความสุขในการทำงาน เพราะทุกคนมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนงานรัฐบาล ขณะที่ รมว.กลาโหมได้บอกกับตนเองว่า ไม่ไหวแล้ว อายุจะ 70 ปี จะลาออกแล้ว
ขณะที่การใช้อำนาจตามมาตรา 44 เป็นการทำเพื่อความมั่นคง ให้มีการผ่อนปรน ผ่อนผันได้ ทั้งนี้ขออย่าเชื่อข้อมูลที่บิดเบือน และยังมีกำลังใจในการทำงาน ไม่กลัว เพราะตนเองยิ่งตียิ่งร้อน และขอทุกคนให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ทำงานร่วมกันเพื่อประเทศชาติ
"ผมบอกว่าลาออกก็ตั้งใหม่ มาตรา 44 ตั้งได้อยู่แล้ว มีรัฐมนตรีคนไหนจะถามผมหรือไม่ ว่าจะปรับรัฐมนตรีคนไหน แล้วใครเอาไปปล่อยข่าวไม่รู้ ปลัดกระทรวงหรือเปล่า คือทำงานมาด้วยกันก็รู้ว่าใครเป็นใคร ที่ปรับออกไป ไม่ใช่เพราะทำงานไม่ดี แต่เป็นการเริ่มต้นให้ ครม.ชุดที่ 2 ทำงาน ซึ่งก็ต้องทำแบบนี้ เพราะร่วมชะตากรรมมาตั้งแต่ 22 พ.ค.แล้ว แล้วจะทิ้งผมไปหรือ ผมก็ไม่ทิ้งท่าน ท่านก็อย่าทิ้งผม ขอให้เข้าอกเข้าใจกันเท่านั้นเอง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการร่างรัฐธรรมนูญว่าเป็นเพียงหลักประกันที่ต้องให้ประเทศไทยมีหลักการที่สากลยอมรับ ส่วนการปรับเปลี่ยนให้มีการสรรหา ส.ว.ทั้งหมด ไม่ใช่ว่าตนเองจะไปสั่ง ส.ว.ทั้งหมดได้ เพียงแต่เป็นหลักประกันว่าไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในอดีตขึ้นมาอีก ส่วนการทำประชามติ ต้องให้ข้อมูลและทำความเข้าใจ ซึ่งที่จริงแล้วอำนาจของตนเอง ไม่ต้องทำประชามติก็ได้ ดังนั้นไม่อยากให้การทำประชามติและการเลือกตั้งเป็นเพียงพิธีกรรม